ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด (SCB Abacus) เปิดเผย บริษัท SCB Abacus เป็นฟินเทครายแรกที่แยกจากธุรกิจธนาคารและสามารถระดมเงินทุน Series A มูลค่า 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 400 ล้านบาท จาก 3 พันธมิตร เป็นนักลงทุนระดับโลก ได้แก่ 1.Openspace Ventures 2. Vertex Ventures Southeast Asia และ 3. CAI Partners ซึ่งทั้ง 3 พันธมิตรจะเข้ามาสนับสนุน SCB Abacus ในระยะต่อไป โดยเงินทุน 400ล้านบาทเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่การเติบโตก้าวกระโดดในตลาดสินเชื่อออนไลน์ ซึ่งเริ่มจากยกระดับด้านเทคโนโลยี พร้อมทั้งขยายตลาดและสรรหาบุคลากรที่ความความสามารถเข้ามาร่วมทีม
ทั้งนี้ “เงินทันเด้อ” เป็นแอพพลิเคชั่นที่พัฒนาขึ้นเพื่อจะแก้ปัญหาสินเชื่อนอกระบบ เพราะพบว่า 40%ของคนไทยยังเข้าไม่ถึงระบบธนาคารหรือถูกปฎิเสธ ขณะที่ 86% ของครัวเรือนยังต้องพึ่งสินเชื่อนอกระบบบางส่วน โดยเงินทันเด้อพร้อมจะสร้างสินเชื่อทางเลือกได้
“เงินทันเด้อ หรือ Money Thunder” เป็นแอพพลิเคชั่นสินเชื่อออนไลน์ทางเลือก ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “เงินทันเด้อ”แล้ว 5 ล้านรายโดยเฉพาะ 4กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ประกอบการรายย่อย คนที่ไม่มีเงินทุน หรือมีรายได้ไม่สม่ำเสมอ หรือกลุ่มคนเริ่มธุรกิจหรือเริ่มทำงาน ซึ่งกลุ่มคนรวมกันแล้ว คิดเป็น 70%ของคนไทยในวัยทำงาน และกว่า 60%ของลูกค้าเคยถูกปฎิเสธการขอสินเชื่อมาก่อน ที่สำคัญ เงินทันเด้อสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าประมาณ 30%มาจากปากต่อปาก
“Next Step ของเรามุ่งเน้นขยายธุรกิจควบคู่กับพาร์ทเนอร์อื่นๆหลายมิติเช่น ด้านการเงิน หรือการให้สิทธิพิเศษลูกค้า หรือให้บริการออนไลน์เป็นออฟไลน์เพื่อขยายแพลตฟอร์มให้เป็นทางเลือกกับลูกค้าด้วย โดยคาดว่าในปีหน้าสินเชื่อและรายได้จะเติบโต 5เท่าและการเติบโตแบบก้าวกระโดดจะทำให้เราได้รับการสนับสนุนเงินลงทุนใน Series Bต่อไปในปีหน้า”
ดร.สุทธาภา กล่าวถึง ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา โดยระบุว่า มีลูกค้าเข้ามาขอวงเงินเกิน 3,000 ล้านบาทต่อเดือน และยังเติบโตต่อเนื่อง เฉลี่ยวงเงิน 1.5-3 หมื่นล้านบาทต่อราย ซึ่งเงินทันเด้อให้บริการภายใต้ใบอนุญาตนาโนไฟแนนซ์ และกำลังจะออกสินเชื่อบุคคลดิจิทัลในอนาคต อย่างไรก็ตามในช่วงโควิด-19 บริษัทเห็นสัญญาณของการผิดนัดชำระบ้าง แต่ยังสามารถคุมความเสี่ยงหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) เป็นตัวเลขหลักเดียว
นอกจากมุ่งตอบโจทย์ให้คนได้รับโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินในระบบจากธนาคารแล้ว การใช้ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และ Machine Learning และข้อมูลทางเลือกอื่นในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้การปล่อยสินเชื่อมีความแม่นยำมากขึ้นครอบคลุมความเสี่ยงได้ ทำให้อัตราการอนุมัติสินเชื่อเป็นตัวเลข 2 หลัก
ขณะเดียวกัน บริษัทมีระบบ Collection system ที่ออกแบบการติดตามให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย รวมถึงการคิดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกค้า และมีระบบ Reward system ที่ให้รางวัลสำหรับลูกค้าที่มีประวัติผ่อนชำระที่ดี คือ “สินเชื่อตั้งหลักให้เพิ่ม”
นางสาวณิชาภัทร อาร์ค ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของ Openspace Ventures กล่าวว่า “Openspace Ventures มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ SCB Abacus เข้าร่วมพอร์ตการลงทุนของเราที่มีการเติบโตอย่างมากในประเทศไทย ทางเรามีความเชื่อมั่นว่า SCB Abacus มีศักยภาพในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญในตลาดประเทศไทย ทีมงานที่มากความสามารถ และเทคโนโลยีระดับโลก ที่พร้อมจะขึ้นเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาสินเชื่อนอกระบบในประเทศไทย และสามารถขยายผลเชิงบวกได้อย่างมีนัยยะสำคัญ พร้อมสร้างความเคลื่อนไหวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้
นางสาวคาร์เมน หยวน พาร์ทเนอร์ Vertex Ventures Southeast Asia กล่าวเสริมว่า “เรามีความยินดีที่ SCB Abacus เป็นการลงทุนในบริษัทไทยที่ก่อตั้งโดยคนไทยครั้งแรกของเรา เรามีความตั้งใจที่จะสนับสนุน ดร.สุทธาภา และทีมงาน SCB Abacus ในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพให้กับผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นถึง 84% ของกิจการที่มีอยู่ในประเทศไทยกว่า 3 ล้านกิจการ และเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจในประเทศไทย เราเชื่อว่า SCB Abacus มีความสามารถในการขับเคลื่อนและพัฒนาการให้บริการทางการเงินให้มีความเข้าถึงได้มากขึ้นเพื่อผู้ประกอบการรายย่อยกลุ่มนี้ได้”
ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SCB Abacus กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับนักลงทุนระดับโลกอย่าง Openspace Ventures, Vertex Ventures Southeast Asia และ CAI Partnersเราเชื่อมั่นว่าการระดมทุนครั้งนี้จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับรากฐานการเติบโตของ SCB Abacus ได้ทั้งในระยะยาวและเป็นการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไป”