นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงเหตุผลที่ บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ TQM เข้ามาถือหุ้นในบริษัทฯจำนวน 3.75% ว่า TQM มองเห็นศักยภาพของบริษัทฯที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจ, การพัฒนาองค์กรสู่ดิจิทัล, การออกแบบประสบการณ์ดิจิทัล ภายในเร็วๆ นี้ จะมีการพัฒนาธุรกิจร่วมกันโดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีไปช่วยส่งเสริมช่องทางการขายให้ TQM เป็นการลดต้นทุนอีกด้วย
ก่อนหน้านี้บริษัทได้เข้าร่วมการลงทุน (Joint Venture) ระหว่างบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด หรือ Modulus ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ OR ถือหุ้นในสัดส่วน 100% รจัดตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด หรือ ORBIT Digital เพื่อมุ่งยกระดับขีดความสามารถของธุรกิจไทยจากการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้อย่างครบวงจร ซึ่ง OR โดย Modulus และ Bluebik จะร่วมลงทุนใน ORBIT Digital ในสัดส่วน 40:60
“BBIK” ได้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวัที่ 16 กันยายน 2564 โดย BBIK และบริษัทย่อยประกอบธุรกิจที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ และการจัดการนวัตกรรมและเทคโนโลยี และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องโดยมุ่งเน้นการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาธุรกิจ สร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่องค์กร แบ่งการให้บริการได้ 5 ประเภท ได้แก่ 1) การให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ 2) การบริหารโครงการเชิงยุทธศาสตร์ 3) การพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี4) การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลชั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ และ 5) การจัดหาและบริหารบุคคลากรชั่วคราว ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มีกลุ่มลูกค้าหลักคือ กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ปัจจุบัน บลูบิค มีลูกค้าองค์กรที่เป็นบริษัทชั้นนำจากภาคธุรกิจต่างๆ อาทิ ธุรกิจการเงิน ประกันภัย ค้าปลีก และโทรคมนาคม ฯลฯ ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยมี 5 บริการหลักได้แก่ 1. บริการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) 2. บริการที่ปรึกษาการบริหารจัดการโครงการเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic PMO) 3. บริการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) 4. บริการที่ปรึกษาด้านการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Big Data & Advanced Analytics) และ 5. บริการด้านทรัพยากรบุคคลชั่วคราวที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอที(IT Staff Augmentation)
ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2561 – 2563 มีรายได้จากการขายและบริการ 132.76 ล้านบาท 184.94 ล้านบาท และ 200.53 ล้านบาทตามลำดับ เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 22.90% และมีกำไรสุทธิ 19.22 ล้านบาท 31.71 ล้านบาท และ 44.29 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 51.8%.