SCBXเปิดเกม “เน็ตเวิร์คเอฟแฟกซ์” สร้างเซอร์ไพรส์ไม่หยุด จ่อคิวร่วมทุน "ซุปเปอร์ดีล"ดึงพลัง นักลงทุนปั้นธุรกิจ ลุย Blue Ocean ดิจิทัลแพลตฟอร์ม เวนเจอร์ฟันด์ทั้งในและต่างประเทศ
หลังจากธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศร่วมทุนกับเอไอเอส ภายใต้ชื่อ AISCB เพื่อทำธุรกิจการเงินดิจิทัล นำร่องให้บริการ “ดิจิทัล เลนดิ้ง” และประกาศจัดตั้ง Venture Capital Fund (อยู่ระหว่างตั้งชื่อกองทุน) ขนาด 600-800ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์(CPG) พร้อมประกาศ Reimagined SCB โดยอยู่ระหว่างขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเป็นวาระพิเศษในเดือนพฤศจิกายนเพื่อจะจัดตั้งบริษัท SCBX ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ แค่ด่านแรกก็สร้างปรากฎการณ์ดันราคาหุ้นของธนาคารดีดตัวถึง 20%
SCBXเปิดเกมNetwork Effect
สมรภูมิการแข่งขันของธุรกิจธนาคาร นอกจากคู่เทียบด้วยกันร่วมวงตะลุมบอนในทุกพื้นที่แล้ว แม้พยายามจะมองหาโอกาสขยับขยายการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนใหม่เข้ามาเพิ่มก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะต่อฐานทุนที่อยู่ภายใต้ลูกค้าผู้ฝากเงิน และด้วยข้อจำกัดหลากหลาย ทำให้ความสามารถในการสร้างรายได้หรือทำกำไรถดถอย โดยเฉพาะเมื่อผู้เล่นทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ร่วมวง “กดราคา”แข่งขันกันเลือดสาด ธุรกิจธนาคารจึงอยู่ในสภาพ Red Ocean ซึ่งอยู่ในโลกดั่งเดิม(Traditional) แต่ต้องใช้เงินทุนมโหฬารในการสร้างมูลค่าที่มีแนวโน้มจะปรับลดลงแทบไม่เหลือและอยู่ยาวก็ไม่รอด!
วางตำแหน่ง "สตาร์ทอัพดาวรุ่ง"
จึงเป็นที่มาของการปรับจินตนาการใหม่ (SCB Reimagined” เพราะธุรกิจที่อยู่ในโลกใหม่จะอยู่ใน Platform หรือ Digital Platform ที่กลายเป็น Network Effect ซึ่งมีพลังที่ยิ่งใหญ่ ภายใต้ SCBX จึงแยกออกเป็น 2 ส่วนคือ 1. ธุรกิจธนาคาร(Cash COW) 2.การเติบโตใหม่(New Growth)
ทั้งนี้ New Growth จะเติบโตใน 2พื้นที่ คือ ตลาดใหม่ที่มีโอกาสเติบโตหรือ Blue Ocean มุ่งเน้นการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่ง Blue Oceanเกี่ยวกับธุรกิจรายย่อย เช่น ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล(Card X)โฟกัสระดับภูมิภาค ทั้งอินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์
สำหรับพื้นที่ 2 เป็นGrowth ในการขยายหรือสร้าง Digital Platform ในEcosystemต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดหวังจะเห็นคุณภาพกำไรทั้งจากVenture และ Company ในช่วง 2-3ปีนับจากนี้ ส่วนGrowthของพื้นที่ 2 อีกด้าน คือ การเข้าสู่สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ผ่านSCB10X, บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCB Security หรือSCBS)ซึ่ง SCBS จะเป็นเรือธง Digital Asset จะโฟกัสการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน(Infrastructure) เช่น เรื่อง Exchange และ Digital Asset Custody ซึ่งคาดหวังเพิ่มมูลค่าของแพลตฟอร์มหรือสิ่งที่ได้เข้าไปลงทุนถือหุ้นใน Digital Asset และGrowthของพื้นที่2ส่วนสุดท้ายคือ เรื่องการลงทุน(Investment) ซึ่งได้จับมือกับ CPG จัดตั้ง Venture Capital Fund (อยู่ระหว่างตั้งชื่อกองทุน) ขนาด 600-800ล้านดอลลาร์สหรัฐ(สัดส่วนลงทุนเท่ากัน 100ล้านดอลลาร์ ที่เหลืออีก 600ล้านดอลลาร์จะมาจากผู้ร่วมทุนอื่น) เพื่อลงทุนใน Financial Technology และTechnology Block Chain ซึ่งการจับมือกับซีพีจี ด้วยเน็ตเวิร์คของซีพีกับไทยพาณิชย์จะช่วยระดมเงินได้มากกว่า และระดมทุนจากภายนอกเป็นสตาร์ทอัพดาวรุ่งที่น่าสนใจ
ย้ำแบงก์ "ใบโพธิ์"โตอย่างแข็งแรง
" โครงการ SCB Reimagined คือ ปรับจินตนาการใหม่ เราจะไม่เอา Growthมาเป็นตัวตั้งของแบงก์ ไม่ได้เปลี่ยนแบงก์ แต่เป็นการทำให้แบงก์ขึ้นไปอยู่เหนือแบงก์ เพราะฉะนั้นแบงก์ยังคงทำเหมือนเดิมเน้นให้รักษาผลกำไร ลดต้นทุนด้วยการปรับกระบวนการทำงานทำธุรกิจเทรดไฟแนนซ์หรือรายย่อยไม่เน้นปล่อยสินเชื่อใหญ่ทำให้แบงก์ทำงานได้ประสิทธิภาพมากขึ้น
แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ SCBX จากนี้ไป 2ส่วน(Cash COW และ New Growth)จะแยกกัน RUN และRUNคนละรูปแบบ การผลักดันGrowthภายใต้SCBXจะเกิดขึ้นอย่างเต็มที่”นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ และว่าที่ซีอีโอ SCBX กล่าว
SCBX ซึ่งเน้นการเติบโตจากแต่ละบริษัท เบื้องต้นมี 15-16บริษัท โดยSCBXจะส่งกรรมการไปนั่งเป็นบอร์ดซีอีโอทุกคนจะเป็นเถ้าแก่และสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นมาแต่ละบริษัทรายงานผลดำเนินงานตรงต่อบอร์ด ทำไม่เหมือนเดิมและไม่ดัสรัปชั่นธนาคาร โดยความตั้งใจเพื่อสร้างภาพจำความขลังของธนาคาร “ใบโพธิ์”ยังคงอยู่ต่อไปอย่างแข็งแรง แต่คนจะเริ่มรู้จัก SCB Group ในอีกด้านในฐานะของตระกูล X
“เราไม่ได้เปลี่ยนแบงก์ แต่เป็นการทำให้แบงก์ขึ้นไปอยู่เหนือแบงก์ เพราะฉะนั้นแบงก์ยังคงทำเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ SCBX ซึ่งการผลักดันGrowthจะเกิดขึ้นอย่างเต็มที่ ด้วย Technology Development Teamหลายทีม ด้วยDigital Platform ด้วยประสิทธิภาพของทีมData Xซึ่งเป็น Center ในการวิเคราะห์ข้อมูลของทั้ง SCB Groupเพื่อทำงานควบคู่กับบริษัทที่จะเกิดขึ้นใหม่ ด้วย Cost และด้วยเวลาที่สั้น ภายใต้SCBXเราจะเติบโตแบบยกกำลังหรือก้าวกระโดด”
ตั้งเป้า 3-5ปีเก็บดอกผล
นายอาทิตย์กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางดำเนินธุรกิจตั้งเป้าหมายธุรกิจ “ม้าเร็ว”เฟสแรกที่เห็นผลไว้ในช่วง 3ปี โดยออก IPOในปีที่ 3ปีที่ 5 ซึ่งแต่ละบริษัทจะรู้เส้นชัยที่บอก จำนวนของพอร์ตสินเชื่อ และประมาณการเพื่อIPO ซึ่งชุดนี้จะเสริมเสริมรายได้ให้กับ SCBX สำหรับเฟสที่ 2 จะเป็นประเภท Digital Platform เช่น โรบินฮู้ด , ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล(Digital Asset) ,ธุรกิจกิจการร่วมค้า(Joint Venture) หรือVenture Capital Fund เหล่านี่จะสร้างมูลค่า( Value Creation)ในเฟสต่อไปช่วง 4-5ปี เป็นต้นไป
ทั้งนี้ “ม้าเร็ว”ธุรกิจชุดแรก เนื่องจาก บริษัท Card X ซึ่งเป็นบริษัทรับโอนย้ายธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งเห็นช่องทางทำกำไรอยู่แล้วผู้บริหารจะรู้ขนาดของสินเชื่อ และปริมาณเพื่อจะทำIPOได้ (ตั้งเป้าออกIPOปี 2567) นอกจากนี้ลูกค้าที่โอนย้ายออกมาจะมีรายได้เกิน 30,000บาท โดยจะแตกต่างจาก AISCB ที่ฐานลูกค้ารายได้ต่ำกว่า 30,000บาทที่มุ่งทำตลาดดิจิทัลเลนดิ้ง
สำหรับ AutoX นั้นรูปแบบธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ(Title Loan Business) โดยเป็นการสร้างพอร์ตสินเชื่อขึ้นมาใหม่ ส่วนใหญ่ตลาดอยู่ต่างจังหวัด ปัจจุบันมีความพร้อมและปักหมุดจองพื้นที่ชุมชนที่หนาแน่น เพื่อล็อคออฟฟิตทั่วประเทศส่วนใหญ่ เบื้องต้นเริ่มทำตลาด 2,000สาขาในไตรมาส 1ปี 2565
ต่อข้อถามเป้าหมายของการเป็นเทคคอมพานีนั้น นายอาทิตย์กล่าวว่า ในส่วนของ Growth ถือว่าเป็น Tech Companyเกินครึ่งแล้ว เห็นได้จากบริษัท SCBAbacus, Monix, SCB Tech เหล่านี้ทั้งรูปแบบโมเดลธุรกิจแบบใหม่ การบริหารจัดการ หรือการระดมทุนเป็นFuture Company เป็น Tech Company 100%แล้ว เช่นเดียวกับ SCB10Xนั้นได้มีการใช้เม็ดเงินเกือบ 2หมื่นล้านบาทแล้ว ขณะนี้รอผลประโยชน์
นายอาทิตย์กล่าวว่า ถ้าทำสำเร็จSCBXในฐานะยานแม่ที่จะขับเคลื่อน Growth และ Cash Cows เดินต่อไปอย่างแข็งแรงและบริษัทต่างๆที่จะเติบโตขึ้นมาสร้างรายได้คุณภาพและทุนให้กับSCBX เบื้องต้นจะมี 15-16บริษัทและยังอยู่ในท่อจะทยอยออมาเป็นจำนวนมากพอสมควร ถ้าเราทำสำเร็จใน 5ปีข้างหน้า จะมีฐานลูกค้าจะ 200คน จากปัจจุบันรวมพาร์ทเนอร์มีอยู่ 50ล้านคน และเพิ่มQuality earning ได้ 1.5-2เท่าและมาร์เก็ตแคปของSCBXในปีที่ 5น่าจะขึ้นไป 1ล้านล้านบาท นี่คือเป้าหมายและเป็นสิ่งที่เราทั้งกรุ๊ปภายใต้การนำของSCBX
วิสัยทัศน์SCBX
สำหรับวิสัยทัศน์ใหม่ของ SCBX คือ : The Most Admired Financial Technology Group In Asian และพร้อมยกระดับเป็น International Player เพื่อทำให้แพลตฟอร์มรองรับ Ecosystemทั้งในและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นใน 4บทบาทหลัก ได้แก่ 1. การสร้างธุรกิจใหม่ (Business Development) โดยจัดตั้งทีมทั้งในและทีมระหว่างประเทศ ในการที่จะบุกหรือสแกนหาโอกาสทั้ง Blue Ocean และระบบแพลตฟอร์มและเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล โดยใช้ทีมงานที่มีขีดความสามารถและทำงานใกล้เคียงกับ Private Equity 2.การบริหารจัดการเงินทุน และจัดสรรทุน(Capital Management) เพื่อสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง 3. เร็วนี้จะจัดตั้งบริษัท Data X เป็นศูนย์กลางในการจัดการข้อมูลทั้งกรุ๊ป(Data Integration) เพื่อสร้างขีดความสามารรถในการทำงานควบคู่กับบริษัทที่เกิดขึ้นมาใหม่ในBlue Ocean ไม่ว่าจะเป็น CARD Xหรืออีกหลายบริษัท 4. เป็นศูนย์รวมในการเพิ่มประสิทธิภาพและแนวปฎิบัติ( Optimize Group Compliance) การขับเคลื่อนบทบาทไปข้างหน้า พร้อมกับการสร้างแนวปฎิบัติแนวกำกับในทุกมิติ
อย่างไรก็ตาม จุดตั้งต้นของ SCBX ไม่ว่าในรูปแบบของการจัดตั้งธุรกิจใหม่ หรือขยายธุรกิจธุรกิจด้วยการร่วมทน บริษัทเกือบทั้งหมด แต่บางส่วนไม่นำเข้าตลาดหลักทรัพย์ ไม่ว่า JV หรือ SCBX ถือหุ้น100% โดยซีอีโอทุกคนของแต่ละบริษัทจะมีอิสระในการขับเคลื่อนธุรกิจ ภายใต้แนวทางที่วางโครงสร้างใหม่และมี Incentive ทำให้ผู้บริหารระดับสูงของทุกบริษัทเป็น “เถ้าแก่น้อย”ในการนำพาบริษัท ระดมทุนหรือขยายกิจการในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเป็นทิศทางสู่บริษัทจดทะเบียนใน 3-5ปีข้างหน้า
และไม่ว่าจะเปลี่ยนโครงสร้างในรูปแบบของการทำธุรกิจ ภายใต้การนำของ SCBXซึ่งเป็นองค์กรของไทยสามารถมีบทบาทในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศโดยยังคงมุ่งเน้นเความยั่งยืน ด้วยธรรมาภิบาลสูงสุด แบ่งปันสังคม คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเพื่อรักษาโลกสู่ลูกหลานรุ่นต่อรุ่น เหล่านี้ยังคงเป็นวัฒนธรรมองค์กร(Core Value)