“จี แคปปิตอลฯ” แตกไลน์เปิดรับพันธมิตร เซ็น MOU ศึกษาความเป็นไปได้สร้างสนามบิน “เกาะเต่า” มั่นใจศักยภาพ เชื่อหลังโควิด-19 คลี่คลาย นักท่องเที่ยวไทย-เทศ พร้อมเดินทาง ย้ำเกษตรยังเป็นธุรกิจหลัก เผยเริ่มเห็นเทรนด์หนุ่มสาวมีความรู้ หันกลับภูมิลำเนา หาโอกาสทำธุรกิจต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต
นายอนุวัตร โกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP เปิดเผยถึงทิศทางบริษัทในปี 2565 ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด- 19 ที่เกิดขึ้นในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจหลายอุตสาหกรรม รวมถึงผู้ให้บริการทางด้านสินเชื่อที่ได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ บริษัทจึงต้องปรับตัวเพื่อรักษาธุรกิจในทุกๆมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรักษาระดับรายได้ การลดรายจ่าย การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น
นอกเหนือจากการปรับตัวเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น บริษัทฯยังมองหาโอกาสใหม่ๆทางธุรกิจในสถานการณ์ที่แม้ว่าจะเป็นวิกฤตอย่างปัจจุบัน โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้ศึกษาการสร้างรายได้ในด้านอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างสมดุลของโครงสร้างรายได้ให้มากขึ้น รวมถึงการเปิดรับพันธมิตรใหม่ที่สนใจจะเข้าร่วมทำธุรกิจในรูปแบบต่างๆ
ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ทำการศึกษากับกลุ่มผู้ที่สนใจเข้าร่วมเป็นพันธมิตร โดยล่าสุดได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) กับกลุ่มพันธมิตรเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างสนามบินที่เกาะเต่า จังหวัดชุมพร เพราะบริษัทเล็งเห็นว่าเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับสู่สภาวะปกติ ภาคการท่องเที่ยวจะเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างโอกาสให้อย่างมากเพราะการท่องเที่ยวในประเทศไทย ยังได้รับความสนใจอย่างมากทั้งจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกและจากคนไทย
“เกาะเต่าเป็นอีก 1 ในจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลกรวมถึงนักท่องเที่ยวไทย ปัจจุบันการเดินทางไปยังเกาะเต่า ใช้เวลาค่อนข้างนาน การเดินทางไม่ค่อยสะดวกมากนัก หากมีสนามบินจะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวได้สะดวกมากขึ้น และเป็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจได้อีกด้วย โดยคาดว่าถ้าทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดจะสามารถใช้สนามบินได้ประมาณ 1 ปีหลังจากนี้” นายอนุวัตรกล่าว
สำหรับการศึกษาในเรื่องของการสร้างสนามบินในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดจากกลุ่มลูกค้าของบริษัทที่มีศักยภาพ มีความพร้อมและต้องการสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน โดยบริษัทฯในฐานะผู้ให้บริการทางด้านสินเชื่อก็พร้อมที่จะสนับสนุนลูกค้า หรือจะเป็นพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามาร่วมสร้างโอกาสทางธุรกิจรองรับสถานการณ์วิกฤตที่เชื่อว่าจะดีขึ้นหลังจากนี้
นายอนุวัตร กล่าวถึงบริการสินเชื่อเช่าซื้อ กลุ่มเกษตรกร จะยังเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท โดยมียอดสินเชื่อคงค้าง 2,000ล้านบาท สัดส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อส่วนบุคคลในปัจจุบันอยู่ในระดับ 75% และ 25% ตามลำดับ โดยความต้องการสินเชื่อปีนี้จะอยู่ในช่วงไตรมาส 3 และ 4ซึ่งเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืชผล คาดว่าทั้งปีจะปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 1,000ล้านบาท ส่วนวงเงินสินเชื่อต่อรายขึ้นอยู่กับประเภทเครื่องจักรหรือรถ เช่น รถเกี่ยว นวดข้าว 2ล้านบาทเศษต่อคันต่อราย ส่วนรถแทรกเตอร์ 600,000บาทต่อคัน ส่วนแนวโน้มหนี้เอ็นพีแอลภายใต้มาตรการผ่อนปรนของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)