จากสถานการณ์ที่ภาคการท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินว่า ผลกระทบในช่วงการระบาด 20 เดือน (เดือนมกราคม 2563 - เดือนสิงหาคม 2564 ) ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวลดลงกว่า 3.55 ล้านล้านบาท หรือลดลง 78% จากระดับรายได้ปกติ โดยรายได้ที่สูญเสียไป 67% เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนที่เหลือ 33% เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวไทย
ทั้งนี้ ตามที่ภาครัฐเดินหน้าเปิดประเทศ โดยในเดือน ตุลาคม 2564 นี้ เบื้องต้นได้คลายล็อกดาวน์ให้คนไทยสามารถท่องเที่ยวได้ และในเดือน พฤศจิกายน 2564 เริ่มการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทย ซึ่งจะเปิดจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวอีก 10 จังหวัด ตามรอย 4 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี พังงา และกระบี่ ที่เปิดไปแล้วก่อนหน้านี้ และในเดือน ธันวาคม 2564 จะทยอยเปิดเพิ่มอีก 20 จังหวัด และเดือน มกราคม 2565 จะเปิดเพิ่มอีก 13 จังหวัด ซึ่งทั้งหมดนี้คาดหวังว่าจะช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยให้ดีขึ้น
สำหรับแนวโน้มปี 2565 ttb analytics คาดว่า รายได้นักท่องเที่ยวโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 6 แสนล้านบาท และอัตราการเข้าพักโรงแรม (Occupancy Rate) จะเฉลี่ยอยู่ที่ 23.8% เมื่อเจาะลึกแนวโน้มรายได้ปี 2565 พบว่า นักท่องเที่ยวไทยจะเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ทำให้อัตราการเข้าพักโรงแรมของนักท่องเที่ยวไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 19.8% ดีขึ้นจากปี 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 14.1% และคาดว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวไทยอยู่ที่ 4.6 แสนล้านบาท
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่า การฟื้นตัวยังถูกจำกัด เนื่องจากมีแรงส่งจากปลายปี 2564 ไม่มาก และนักท่องเที่ยวที่เข้ามา ส่วนใหญ่จะมาจากยุโรปและสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก เนื่องจากประชากรมีการฉีดวัคซีนครบโดส และเริ่มเปิดประเทศทั้งขาเข้าและขาออก
ขณะนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ ได้แก่ จีน และเอเชีย คาดว่าจะยังออกมาเที่ยวนอกประเทศน้อย เนื่องจากยังคงรอการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากร และพิจารณาสถานการณ์ความรุนแรงของการแพร่ระบาดในประเทศก่อน ทำให้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยเพียง 3 ล้านคน และอัตราการเข้าพักจากนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 3.9% จากปี 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 0.7% เท่านั้น และคาดว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท
ภาคการท่องเที่ยวไทยปี 2565 จะฟื้นตัวได้ดีหรือไม่นั้น ต้องอาศัยนักท่องเที่ยวคนไทยช่วยปลุกการท่องเที่ยวในระหว่างที่รอให้มีการผ่อนปรนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ซึ่งเมื่อประเมินโซนจังหวัดท่องเที่ยวคาดว่าจังหวัดที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวก่อนจังหวัดที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดังนี้
เมื่อแนวโน้มเป็นเช่นนี้ การวางกลยุทธ์ดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวไทยจึงเป็นสิ่งสำคัญ และทำอย่างไรที่จะกระตุ้นให้คนไทยออกมาเที่ยวมากขึ้น สำหรับจังหวัดที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวไทยนั้น นอกจากโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ อาทิ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” และ “ทัวร์เที่ยวไทย” ภาครัฐควรร่วมมือกับภาคเอกชนในพื้นที่เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เพื่อดึงดูดความสนใจให้คนไทยออกมาเที่ยวมากขึ้น
ในขณะที่ผู้ประกอบการก็ควรเพิ่มช่องทางในการประชาสัมพันธ์ด้านความพร้อมรับนักท่องเที่ยวในทุกด้าน ตั้งแต่ความสะอาด ความปลอดภัย และมาตรฐานในการป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ
จังหวัดที่พึ่งพิงรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถใช้กลยุทธ์ดึงนักท่องเที่ยวไทยเข้ามาเสริมรายได้มาทดแทนได้เช่นกัน ตัวอย่าง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชลบุรี ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ ฯลฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ ง่ายต่อการตัดสินใจของคนในกรุงเทพฯ ที่จะออกมาเที่ยวช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ หากสามารถสร้างความมั่นใจให้ออกมาเที่ยวได้ ก็จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นได้
สำหรับโรงแรมที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ซึ่งยังมีข้อจำกัดไม่สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้มากนัก เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดยังมีอยู่ ผู้ประกอบการสามารถจัดโปรโมชั่นพิเศษเพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวไทยที่มีกำลังซื้อให้เข้ามาใช้บริการ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยที่นิยมเที่ยวต่างประเทศซึ่งในแต่ละปีนำเงินออกไปเที่ยวต่างประเทศกว่า 4.4 แสนล้านบาท มาทดแทนรายได้จากนักเที่ยวต่างชาติที่หายไป เช่น เสนอแพคเกจ Work From Hotel ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลา 7 วัน 10 วัน 15 วัน หรือมากกว่านั้นตามความเหมาะสม
เทรนด์นี้เริ่มนิยมในประเทศแล้ว โดย Airbnbรายงานว่าคนไทยมีการค้นหาที่พักเฉลี่ยระยะเวลา 1-6 คืน และค้นหาที่พักเพื่อเข้าพักยาวนานกว่า 30 วันมีอัตราเพิ่มขึ้น โดยการค้นหาที่พักเพื่อค้างคืนระหว่าง 7-27 คืน สูงขึ้นเกือบสองเท่าหลังการประกาศคลายล็อกดาวน์ นับเป็นโอกาสของผู้ประกอบการที่จะดึงนักท่องเที่ยวไทยที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ สถานที่ทำงานแบบพักยาวเข้ามาใช้บริการ ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้ของธุรกิจท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่ให้คึกคักได้