นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้คลังกำลังพิจารณาการเปิดลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ซึ่งจะปรับปรุงเงื่อนไขการลงทะเบียนให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยล่าสุดได้หารือกับกระทรวงแรงงาน เพื่อขอนำฐานข้อมูลผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการคัดกรองคุณสมบัติผู้ที่จะลงทะเบียน ควบคู่กับการปรับปรุงเกณฑ์รายได้ และเกณฑ์ด้านอื่นเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความถูกต้องสามารถช่วยเหลือผู้เดือดร้อนตัวจริง และลดความซ้ำซ้อนในการรับความช่วยเหลือมาตรการของรัฐ
“การนำข้อมูลระบบประกันสังคมมาใช้คัดกรอง จะนำมาใช้เฉพาะการเปิดลงทะเบียนรอบใหม่ ไม่เกี่ยวข้องกับคนที่ถือบัตรสวัสดิการอยู่แล้ว ซึ่งหลังจากนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะต้องจัดทำหลักเกณฑ์ แนวทางการคัดกรองให้ชัดเจน เพื่อนำเสนอเข้าคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ซึ่งได้มอบหมายให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เข้ามาช่วยดูแลรับผิดชอบแล้ว” นายอาคม กล่าว
ด้าน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมมากกว่า 20 ล้านคน โดยแยกเป็นผู้ประกัน มาตรา 33 ที่เป็นคนไทยประมาณ 10 ล้านคน มาตรา 39 ประมาณ 2 ล้านคน และมาตรา 40 ที่เพิ่งขึ้นเป็น 10 ล้านคน ซึ่งในส่วนสำนักงานประกันสังคม จะนำข้อมูลมาเชื่อมโยงกับกระทรวงการคลัง เพื่อคัดกรองคุณสมบัติผู้ที่จะลงทะเบียนบัตรสวัสดิการฯ ใหม่ให้มีความถูกต้อง และลดความซ้ำซ้อนการได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการภาครัฐ
“ตามหลักการคนที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ ไม่ควรได้รับสิทธิซ้ำซ้อนกัน ทำให้ที่ผ่านมาประกันสังคมได้มีการใช้เลขบัตรประชาชน 13 หลักผูกบัญชีพร้อมเพย์ในการรับเงินเยียวยา ทำให้สามารถเช็คได้ทันทีว่าได้รับสิทธิช่วยเหลือจากรัฐบาลแล้วหรือไม่ และทำให้สามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว” นายสุชาติ กล่าว
ขณะที่นายสันติ พร้อมพันฒ์ รัฐมตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เตรียมเรียกฝ่ายที่เกี่ยวข้องประชุมหารือถึงความคืบหน้าในการปรับเกณฑ์ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่เร็วๆนี้ โดยจะหารือกำหนดช่วงเวลาที่จะเปิดลงทะเบียนด้วย ทั้งนี้ในการเปิดลงทะเบียนรอบใหม่จะมีการกำหนดคุณสมบัติที่เข้มงวดขึ้น เพื่อให้คนที่ได้รับสิทธิเป็นผู้มีรายได้น้อยหรือต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง นอกจากนี้จะมีการประสานความร่วมมือไปยังคณะกรรมการลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขความยากจน เพื่อบูรณาการฐานข้อมูลด้วย
“การเพิ่มหลักเกณฑ์ในการนำรายได้ของครัวเรือนมาใช้ในการคัดกรองด้วยนั้น จะต้องมีการวางวิธีการตรวจสอบมากขึ้น เนื่องจากอาจมีประเด็นที่บางครัวเรือนมีรายได้เกินเกณฑ์ แต่อาจไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน หรือไม่ได้ให้ความช่วยเหลือกัน ซึ่งอาจต้องประสานให้ผู้นำชุมชนหรือผู้ใหญ่บ้านมีส่วนในการรับรองคุณสมบัติด้วย” นายสันติ กล่าว