ครม.ไฟเขียวเปิดเสรีบริการทางการเงินอาเซียน

12 ต.ค. 2564 | 09:20 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ต.ค. 2564 | 16:23 น.

ครม.ไฟเขียวเปิดเสรีบริการทางการเงินอาเซียน ฉบับที่ 9 เปิดโอกาสภาคเอกชนขยายการค้าการลงทุนสาขาบริการทางการเงินในอาเซียนมากขึ้น

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ 9 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน (ASEAN Framework Agreement on Services: AFAS) และร่างตารางข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ 9 ซึ่งเป็นภาคผนวกแนบท้ายร่างพิธีสาร

โดยจะมีการลงนามร่วมกันแบบเสมือนจริง (Virtual Signing) ในช่วงการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

สำหรับสาระสำคัญของร่างพิธีสารฯ ฉบับที่ 9 มีสาระเช่นเดียวกันกับฉบับที่ 8 ซึ่งได้ลงนามไปแล้ว คือ เป็นการขยายความร่วมมือด้านการค้าบริการระหว่างประเทศสมาชิก โดยลดหรือยกเลิกข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าบริการภายใต้กรอบอาเซียนให้มากกว่าที่เปิดเสรีตามกรอบขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) และประเทศสมาชิกจะให้สิทธิประโยชน์ตามร่างตารางข้อผูกพันฯ แก่ประเทศสมาชิกอื่น ดังนี้

1.ประเทศสมาชิกที่เป็นสมาชิก WTO จะต้องคงการให้สิทธิประโยชน์ตามข้อผูกพันเฉพาะของตนภายใต้ความตกลงทั่วไปว่าด้วยการค้าบริการแก่ประเทศสมาชิกอื่นที่มิใช่สมาชิก WTO

2.ประเทศสมาชิกจะให้สิทธิประโยชน์ตามร่างตารางข้อผูกพันแก่ประเทศสมาชิกอื่น ตามหลักการให้การประติบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most-Favored Nation Treatment: MFN)

3.ประเทศสมาชิกตั้งแต่ 2 ประเทศหรือมากกว่านั้น อาจดำเนินการเจรจาและตกลงเปิดเสรีสาขาการธนาคารของประเทศตนตามหลักการและการดำเนินการภายใต้กรอบการรวมตัวสาขาการธนาคารของอาเซียน โดยแต่ละประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมการเจรจาอาจสรุปผลการเจรจา ณ เวลาใดก็ได้

ส่วนร่างตารางข้อผูกพันฯ ฉบับที่ 9 มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงตารางข้อผูกพันในสาขาการธนาคาร โดยเพิ่มเสรีเพิ่มเติมในสาขาย่อยการบริการชำระเงิน และการส่งเงิน (Payment and Money Transmission Services) สำหรับธุรกิจตัวแทนโอนเงินระหว่างประเทศ (Cross-border Money Transfer Services)

โดยอนุญาตให้มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติได้สูงสุดร้อยละ 49 ซึ่งปัจจุบันกฎหมายไทยอนุญาตให้มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติได้ร้อยละ 79  ซึ่งมากกว่าที่กรอบอาเซียนขอปรับปรุงจึงไม่ต้องมีการแก้กฎหมายภายในเพิ่มเติม

นางสาวรัชดา รองโฆษกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดเสรีภายใต้กรอบดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนทั้งในเชิงลึกและกว้างขวางมากขึ้น นอกจากนั้น ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนไทยสามารถขยายการค้าการลงทุนในสาขาบริการทางการเงินไปยังประเทศอาเซียนได้สะดวกยิ่งขึ้น

ในส่วนของประเทศไทยนั้น การผูกพันการเปิดเสรีเพิ่มเติมในภาคธนาคาร สาขาย่อยธุรกิจตัวแทนโอนเงินระหว่างประเทศ จะช่วยสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินของประชาชนและลดค่าธรรมเนียมการให้บริการจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค อีกทั้งการเปิดเสรีดังกล่าว ยังอยู่ภายใต้กฎหมายปัจจุบันของธนาคารแห่งประเทศไทยจึงไม่ต้องมีการปรับแก้กฎหมายภายในเพิ่มเติม