ธปท.และสมาคมแบงก์แจงพบกิจกรรมดูดเงินบัตรเครดิตและบัตรเดบิตจาก10,700ใบ โดยมาจากบัตรเครดิตวงเงิน100ล้านและบัตรเดบิต30ล้านบาท
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคม ธนาคารไทย แถลงข่าวชี้แจงถึงความคืบหน้า การตรวจสอบกรณีการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต โดยระบุว่า ผลจากการตรวจสอบพบว่า กิจกรรมดูดเงินที่ผูกบัตรกับแพลตฟอร์มออนไลน์ ประมาณ 90% เป็นกิจกรรมที่มีวงเงินไม่สูงมากแต่มีปริมาณความถี่ในการทำธุรกรรมหลายๆครั้งรวม 10,700บัตรในช่วงวันที่ 1-17ตุลาคม 2564ส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นในต่างประเทศโดยเป็นกิจกรรมที่ใช้หุ้นยนต์ในการสุ่มโดย ใช้ตัวหมายเลขบนบัตร 12หลัก โดยใช้ตัวเลข 6 หลักแรกเป็นฐาน และยึดเลข 6 หลักหลังในการสุ่มยิงทำกิจกรรมโดยไม่ต้องใช้ตัวเลข OTP หรือตัวเลขหลังบัตรแต่อย่างใด
ทั้งนี้การตรวจสอบสถานการณ์ดังกล่าว โดยเบื้องต้นพบว่า มิได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร แต่เป็นรายการที่เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และไม่ใช่แอปดูดเงินตามที่ปรากฏเป็นข่าว ขณะนี้ธนาคารเจ้าของบัตรได้ดำเนินการระงับการใช้บัตรของลูกค้าที่มีรายการผิดปกติ และติดต่อลูกค้า รวมทั้งอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบร้านค้าที่มีธุรกรรมที่ผิดปกติเหล่านี้
นอกจากนี้ ลูกค้าที่ตรวจสอบพบความผิดปกติของรายการธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันการทำธุรกรรมในทันที โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และเร่งคืนเงินให้กับลูกค้าที่ได้รับความเสียหายตามขั้นตอนของธนาคารโดยเร็วต่อไป
"ธนาคารกำลังเร่งตรวจสอบและกำหนดให้มีการคืนเงินกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนถูกดูดเงินให้ได้รับเงินคืนไม่เกินภายใน 5 วันซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นได้"นายผยงกล่าว
นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมที่เกิดขึ้นจำนวน 10,700ใบนั้น เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 1 ถึงวันที่ 17 ตุลาคมโดยมีข้อสังเกตว่ากิจกรรมประมาณ 50% เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 14-17 ตุลาคม ส่วนมูลค่าความเสียหายแบ่งเป็นบัตรเดบิต 31 ล้านบาทและมาจากบัตรเครดิตประมาณ 100 ล้านบาท และในจำนวน 10,700ใบแบ่งเป็นบัตรเครดิต 5,900ใบ และเป็นบัตรเดบิต 4,800ใบ