นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบีเอสที(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST) เปิดเผยในงานสัมมนา “หุ้นปลอดภัย ฝ่าภัยโควิด” หัวข้อ “หุ้นเด็ดพิชิตตลาด” จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่า ดัชนีหุ้นไทยปี 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ 1,740 จุด และปี 2566 จะอยู่ที่ 1,780 จุด โดยในปีหน้ามีโอกาสปรับตัวสูงกว่าปีนี้ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดีกว่าปีนี้ หลังมีการเปิดประเทศวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยยังมีโอกาสเติบโตในเชิงกำไรที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ยังต้องจับตาความเสี่ยงปัจจัยการเมืองในประเทศที่จะมีการเลือกตั้งในไตรมาส 3 ปี 2565
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ มองว่าจะแกว่งตัวที่ระดับ 1,650-1,700 จุด หรือไม่เกิน 1,700 จุดในสิ้นปีนี้ เนื่องจากปัจจัยลบที่กดดันตลาดไม่ได้ชัดเจนมาก แต่ในแง่ของความไม่แน่ใจมีมากกว่า ทั้งจากความกังวลว่าหลังเปิดประเทศแล้วการระบาดจะกลับมารอบใหม่หรือไม่ ส่งผลให้นักลงทุนยังไม่กล้าลงทุน อีกทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (คิวอี) ซึ่งส่วนใหญ่หุ้นจะปรับตัวลงก่อนเริ่ม ทำให้ภาพนักลงทุนต่างชาติยังเป็นการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคเอชียแบบทั้งซื้อและขาย ไม่มีเม็ดเงินที่หนุนตตลาดให้เติบโตอย่างจริงจัง
สำหรับดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นได้ในช่วงที่ผ่านมา มองว่าเป็นปัจจัยเฉพาะตัว จากกลุ่มนักลงทุนรายย่อยในประเทศที่เข้ามาลงทุนในหุ้นธีมเปิดเมืองและหุ้นมหาชน ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ ราคาพลังงานปรับตัวขึ้นหนุนดัชนีกลับมายืนที่ระดับ 1,650 จุด แทนที่จะอยู่ที่ระดับ 1,600 จุดหลังจากผ่านการแพร่ระบาดโควิดรอบนี้ ทั้งนี้ ในปีหน้าไม่ว่าดัชนีหุ้นไทยจะอยู่ที่ระดับ 1,600 จุด หรือทะลุ 1,700 จุดกลยุทธ์การเลือกกลุ่มหุ้นและเลือกหุ้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่จะเอาตัวรอดไปได้และมีผลตอบแทนชนะตลาด
ขณะเดียวกัน ต้องมีการผสมผสานการลงทุน โดยลงทุนในหุ้นสัดส่วน 50% เลือกลงทุนหุ้นกลุ่มที่ฟื้นตัวจากโควิด เช่น BBL และ TKN ที่ราคาหุ้นยังไม่ปรับขึ้นมาก และมีการฟื้นตัวในเชิงกำไร ขณะที่ สัดส่วนอีก50% เน้นลงทุนหุ้นรับกระแสการเติบโตในปีหน้า โดยกลุ่มหุ้นเติบโตที่น่าสนใจมี 3 กลุ่ม ได้แก่เทคโนโลยี อีวี และกัญชง ซึ่งในกลุ่มเทคโนโลยีและอีวีลงทุนได้เลย แนะหุ้นเด่น คือ FORTH และ SCGP ส่วนหุ้นกลุ่มกัญชง ให้รอเข้าลงทุนในปีหน้า