นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปีบัญชี 2564 (1 เมษายน - 30 กันยายน 2564) ธ.ก.ส. มียอดจ่ายสินเชื่อทั้งระบบ 1.56 ล้านล้านบาท โดยจ่ายสินเชื่อแล้ว 299,948 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากต้นปีบัญชี 8,994 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15.77% เมื่อเทียบกับเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปี 2564 จำนวน 57,000 ล้านบาท
“คาดว่าสิ้นปีบัญชีจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้า 57,000 ล้านบาทแน่นอน แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเป้าหมายที่ต่ำที่สุดในรอบ 3-5 ปี เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งนโยบายของรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยที่ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการผ่านสินเชื่อซอฟโลน์ ทำให้ลูกค้าบางส่วนหันไปใช้สินเชื่อดังกล่าวแทน” นายธนารัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลังจากนี้เกษตรกรจะเริ่มเข้ามาขอสินเชื่อมากขึ้น เนื่องจากเป็นรอบการเพาะปลูก รวมทั้งปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศ ทำให้เกษตรกรวางแผนเพาะปลูกมากขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อการบริโภคที่คาดว่าความต้องการสินค้าเกษตรมากขึ้น จากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาไทยมากขึ้น ทั้งนี้ ธ.ก.ส. อยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์เพื่อพิจารณาเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อในรอบบัญชีปี 2565 ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% - 15% จากฐานปีบัญชี 2564
ขณะที่หนี้ที่ก่อไม่ให้เกิดรายได้ (NPLs) ล่าสุดอยู่ที่ 4.24% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปีบัญชีปี 2563 ( ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564) ที่อยู่ที่ 3.9% ซึ่งคาดว่าจากมาตรการผ่อนคลายล็อคดาวน์ จะส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และลูกค้ากลับมามีสภาพคล่องมากขึ้น ส่งผลให้สิ้นบัญชี้นี้ NPLs คาดจะอยู่ที่ 4%
ส่วนยอดเงินฝากสะสม 1.83 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 56,127 ล้านบาท หรือ 3.15% จากต้นปีบัญชี เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาธ.ก.ส. เปิดรับฝากสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดเกษตรมั่งคั่ง 6 จำนวน 50,000 ล้านบาท โดยมีหนี้สินรวมจำนวน 1.97 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากต้นปีบัญชี จำนวน 11,261 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.57 จากการออกพันธบัตร ธ.ก.ส. เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน และการเพิ่มขึ้นของเงินรับฝาก
ขณะที่ปี 2563 กำไรสุทธิประจำปีบัญชี เพื่อจ่ายเงินปันผลจำนวน 5,042 ล้านบาท โดยมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์มาตรฐานบัญชีใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เป็นร้อยละ 12.32 มีรายได้รวม 41,084 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวม 39,623 ล้านบาท คงเหลือกำไรสุทธิจำนวน 1,461 ล้านบาท
ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ยังประเมินทิศทางราคาข้าวในช่วงที่เหลือของปีบัญชี 64 ราคาอาจยังตกลงเล็กน้อย โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ เนื่องจากความต้องการของตลาดข้าวกลุ่มพรีเมี่ยมในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดอเมริกาและยุโรปลดลงเนื่องจากผลกระทบจากโควิด ขณะที่สินค้าเกษตรอื่น เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน มีทิศทางราคาที่ดีขึ้นจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ในส่วนของการดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ธ.ก.ส. พร้อมทำตามมติ ครม. และสามารถโอนเงินเข้าบัญเกษตรกรได้ภายใน 3 วัน หลังตรวจสอบรายชื่อและข้อมูลของเกษตรกรแล้ว ซึ่งจะต้องไม่เป็นผู้ที่ได้รับเงินชดเชยจากประกันความเสียหายจากน้ำท่วม