ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,913.84 จุด เพิ่มขึ้น 94.28 จุด หรือ +0.26% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,613.67 จุด เพิ่ม 8.29 จุด หรือ +0.18% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,595.92 จุด เพิ่มขึ้น 97.53 จุด หรือ + 0.63%
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 1.59% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 3.82% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 1.82% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน เพิ่มขึ้น 2.36% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ บวก 0.17%
หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจดีดตัวขึ้น ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญ หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทาง ด้วยการอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบโดสสามารถเดินทางเข้าสหรัฐได้นับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.นี้
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจเช่นกัน
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 60.8 ในเดือนต.ค. แต่ยังคงสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 60.5 หลังจากแตะระดับ 61.1 ในเดือนก.ย.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลง 0.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.
นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมวันดังกล่าว ก่อนที่จะปรับลดจริงในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งจะทำให้เฟดยุติมาตรการ QE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565
นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะพุ่งขึ้น 450,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียง 194,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนต.ค.จะลดลงสู่ระดับ 4.7% จากระดับ 4.8% ในเดือนก.ย.