นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า สำหรับทีเอ็มบีธนชาตเรามองหาโอกาสและศึกษาความเป็นไปได้ในการยกระดับการให้บริการมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพันธมิตรหลัก (Anchor partner) และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับธุรกิจอื่น ๆ ควบคู่ไปกับการลงทุน
การนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้และพัฒนาช่องทางบริการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าในปัจจุบัน ซึ่งการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ เล็งเห็นถึงประโยชน์ของลูกค้าและผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ ทั้งจากบริการที่หลากหลายและครบวงจรมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับธนาคารในอนาคต
ทั้งนี้ ธนชาตประกันภัยนั้นถือเป็นบริษัทที่มีความชำนาญและอยู่ในอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยมายาวนาน ทั้งยังเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำตลาด โดยมีส่วนแบ่งตลาดที่ 4.8% ถือเป็นลำดับที่ 7 ของอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทมีทุนจดทะเบียน 4.9 พันล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประกันวินาศภัย
ขณะเดียวกันอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนสูงถึง 1,381% สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 140% ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ศักยภาพและความพร้อมของธนชาตประกันภัยที่เข้ามาเป็นพันธมิตรหลักในการช่วยสนับสนุนธุรกิจเช่าซื้อ (Hire purchase) ของทีเอ็มบีธนชาต
ด้วยการร่วมพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์และช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดประกันภัยรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประกันภัยปีที่ 2 หลังจากสัญญาปีแรกสิ้นสุดลงและปีถัด ๆ ไป นอกจากนั้น ยังมองถึงโอกาสในการต่อยอดและพัฒนาแพลตฟอร์มไปสู่การให้บริการด้านรถยนต์ (Car Ecosystem) อย่างครบวงจรในอนาคต
สำหรับหลักทรัพย์ธนชาตเป็นบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำที่อยู่ในธุรกิจมายาวนานและมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเช่นกัน โดยมีทุนจดทะเบียน 3.0 พันล้านบาท และมีเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ 61% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 7% ย่อมสร้างความไว้วางใจและความมั่นใจให้กับลูกค้า หากจะเข้ามาเป็นพันธมิตรหลักของทีเอ็มบีธนชาตใน 2 ส่วน
ในส่วนแรก ได้แก่ บริการด้านการลงทุนสำหรับลูกค้ารายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้ารายย่อยกลุ่มมั่งคั่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายหลังการวมกิจการ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการจากหลักทรัพย์ธนชาตที่มีความหลากหลาย และเมื่อรวมกับผลิตภัณฑ์และบริการที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน ก็จะช่วยยกระดับบริการด้านการลงทุนให้มีความครบครันในที่เดียว หรือ ที่เรียกว่า One stop service
และช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการพอร์ตความมั่งคั่ง (Wealth management) ได้ครบทุกแง่มุมการลงทุนแบบ 360 องศา และในส่วนที่สอง ได้แก่ บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ซึ่งหลักทรัพย์ธนชาตในฐานะพันธมิตรหลักก็จะช่วยยกระดับบริการด้านการบริหารเงินทุนที่ธนาคารมีอยู่ในปัจจุบัน เช่น ด้านวาณิชธนกิจ บริการด้านตลาดทุน รวมถึงการนำเสนอเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ให้ดียิ่งขึ้น
“ทั้งธนชาตประกันภัยและหลักทรัพย์ธนชาตต่างก็เป็นบริษัทแนวหน้าในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง มีผลการดำเนินงานที่ดีและมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงมาโดยตลอด จึงมั่นใจว่าการลงทุนและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้จะช่วยส่งมอบประสบการณ์เพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทย ทั้งวันนี้และอนาคต และสร้างการเติบโตทางธุรกิจตลอดจนผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาวอย่างยั่งยืน”