‘บริทาเนีย’ ประกาศช่วงราคา IPO ที่ 10.00 – 10.50 บาทต่อหุ้น

01 ธ.ค. 2564 | 07:29 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ธ.ค. 2564 | 14:29 น.

‘บริทาเนีย’ หรือ BRI เตรียมเปิด 9 โครงการใหม่ในปี 65 พร้อมประกาศช่วงราคาเสนอขาย IPO ที่ 10.00 – 10.50 บาทต่อหุ้น ผู้ถือหุ้นของORI ที่ได้รับสิทธิ จองซื้อ 7 – 9 ธ.ค. นักลงทุนรายย่อยและสถาบัน จองซื้อ 13 – 15 ธ.ค.นี้

บมจ.บริทาเนีย หรือ BRI วางเป้าหมายเป็นผู้นำการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบ เตรียมเปิด 9 โครงการใหม่ ในปี 2565 รวมมูลค่า 10,800 ล้านบาท รุกขยายโครงการครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดที่มีศักยภาพ เช่น ชลบุรี ระยอง อุดรธานี มุ่งสร้างความแตกต่างด้วยบริการหลังการขายตลอดอายุของการพักอาศัย ประกาศช่วงราคาเสนอขาย IPO เบื้องต้นหุ้นละ 10.00 – 10.50 บาท เปิดจองซื้อวันที่ 7 – 9 และ 13 – 15 ธันวาคมนี้ เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

 

นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนในช่วง 5 ปีข้างหน้าที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง เช่น สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง พระนครศรีอยุธยา และเน้นพัฒนาโครงการในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ที่มีศักยภาพ ในทำเลใกล้แหล่งนิคมอุตสาหกรรมและจังหวัดที่ได้รับประโยชน์จากโครงการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (ECC) เพื่อตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนในพื้นที่

นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน)

 

“เรามีเป้าหมายเป็นผู้นำการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบของประเทศ โดยใช้จุดแข็งที่หลากหลาย ทั้งความเชี่ยวชาญการพัฒนาโครงการ โดยยึดความต้องการของผู้อาศัยเป็นศูนย์กลางในการศึกษาและวิเคราะห์เพื่อออกแบบบ้านและการให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการ และนโยบายให้บริการหลังการขายแก่ลูกค้าตลอดช่วงอายุของการพักอาศัย โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาให้บริการนัดหมายการแจ้งซ่อมและติดตามสถานะการซ่อมแซมผ่านโมบายแอปพลิเคชัน ตลอดจนความเชี่ยวชาญการบริหารต้นทุน รวมถึงการสนับสนุนจากบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ซึ่งเป็นบริษัทแม่”นางศุภลักษณ์กล่าว

 

สำหรับปี 2565 บริษัทฯ วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 9 โครงการ รวมมูลค่า 10,800 ล้านบาท ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และขยายในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยจากการขยายตัวของเมือง การขยายโครงข่ายคมนาคมและแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว อาทิ โครงการบริทาเนีย ราชพฤกษ์ – นครอินทร์ เป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท, โครงการบริทาเนีย อมตะ-พานทอง จังหวัดชลบุรี เป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮม มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท,

โครงการบริทาเนีย อุดร-ดุษฎี เป็นบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท, โครงการบริทาเนีย ระยอง เป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท เป็นต้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทฯ มีโครงการที่ปิดการขายแล้ว 2 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2,028 ล้านบาท และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโอนกรรมสิทธิ์ 13 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 17,550 ล้านบาท รวมถึงมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา 6 โครงการ ที่กำหนดเปิดขายในช่วงไตรมาส 4/2564 รวมมูลค่าโครงการประมาณ 4,300 ล้านบาท

 

นางสาวพนิตาภรณ์ วงษ์ประกอบ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯช่วงปี 2561-2563 เติบโตอย่างแข็งแกร่งและก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายโครงการในทำเลที่มีศักยภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและความต้องการบ้านจัดสรรที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ตามการขยายตัวของเมืองและการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่ง รวมถึงการใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้น

นางสาวพนิตาภรณ์ วงษ์ประกอบ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน)

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2564 สามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ภาพรวมเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีรายได้รวม 2,808.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 452.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเปิดโครงการใหม่และโครงการในปัจจุบันได้รับการตอบรับที่ดี รวมถึงการบริหารจัดการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ

 

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายกล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้อนุมัติคำขอเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์(ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO) จำนวนไม่เกิน 252.65 ล้านหุ้น  หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 29.6% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทแล้ว

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายกล่าวว่า ได้กำหนดช่วงราคาเสนอขาย IPO ที่หุ้นละ 10.00 – 10.50 บาท โดยจะเปิดให้ผู้ถือหุ้นของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หรือ ORI ที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BRI (Pre-emptive Rights) จองซื้อในวันที่ 7 – 9 ธันวาคมนี้

นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด

ทั้งนี้ สามารถจองซื้อเกินกว่าสิทธิ (ไม่กำหนดอัตราสูงสุดการจองซื้อเกินกว่าสิทธิ) ส่วนผู้ถือหุ้น ORI จะได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จองซื้อเกินกว่าสิทธิ ต่อเมื่อมีหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้น ORI ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นที่จองซื้อตามสิทธิครบถ้วนแล้วเท่านั้น โดยหลักเกณฑ์การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิให้เป็นไปตามที่ระบุในแบบไฟลิ่งและหนังสือชี้ชวน ส่วนนักลงทุนกลุ่มอื่นๆ จองซื้อในวันที่ 13-15 ธันวาคมนี้

 

“คาดว่าจะประกาศราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ได้ในภายในเวลา 17.00 น. วันที่ 3 ธันวาคมนี้ทางเว็บไซต์ของ บมจ.บริทาเนีย และบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI จะแจ้งข่าวดังกล่าวทางเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)โดยคาดว่าจะนำหุ้น BRI เข้าซื้อขายในตลท.ช่วงปลายเดือนธันวาคม 2564 โดย BRI จะนำเงินจากการะดมทุนไปใช้พัฒนาโครงการ ชำระคืนเงินกู้ยืมและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ”นายพายุพัดกล่าว