7 ธ.ค.64 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี มองแนวโน้ม SET เช้าวันนี้ปรับตัวขึ้น 1,595 – 1,600 จุด ตามรายงานในแอฟริกาใต้ที่ระบุว่าเคสผู้ติดเชื้อ Omicron มีอาการไม่รุนแรง ประกอบกับราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นซึ่งเป็นบวกต่อภาวะตลาด อย่างไรก็ตามความกังวลเงินเฟ้อระดับสูงส่งผลให้เฟดอาจยุติ QE และขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง
"เมื่อวานนี้ สธ. แถลงยืนยันพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในไทย เป็นชายไทย สัญชาติอเมริกันเดินทางมาจากประเทศสเปน ปัจจัยนี้จะเป็น คาดผลกระทบจะเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากตลาดเริ่มซึมซับกับข่าวการพบผู้ติดเชื้อในประเทศต่างๆ ไปแล้ว ขณะเดียวกัน WHO รายงานยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากไวรัสดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากไวรัสชนิดนี้จะมีอาการไม่รุนแรง "
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ ประเมินทิสทางตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ แม้จะไทยจะพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรก แต่เท่าที่ติดตามข่าวทั่วโลกมาปรากฏว่าอาการไม่ได้รุนแรง ทำให้ผ่อนคลายความกังวลไปได้บ้าง แม้ว่าสายพันธุ์นี้จะมีการแพร่กระจายได้เร็ว แต่อาการอ่อนกว่าสายพันธุ์เดลตา
ขณะที่เมื่อวานนี้ราคาน้ำมันก็พุ่งแรงเกือบ 5% ทำให้น่าจะไปหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมีได้ อย่างไรก็ดี บรรยากาศอาจเป็นลักษณะชะลอการลงทุน เนื่องจากสัปดาห์นี้คาบเกี่ยวกับวันหยุดต่อเนื่อง โดยให้แนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600-1,605 จุด
ทั้งนี้ บล.ทิสโก้ ประเมินผลกระทบของไวรัส"โอไมครอน" ต่อตลาดหุ้นในเดือนธันวาคมนี้ โดยคาดว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกจะผันผวนจนกว่าจะมีข้อมูลสายพันธุ์โอไมครอนมากขึ้น ซึ่งอาจใช้เวลาอีกเป็นเดือน ซึ่งการตอบสนองของราคาหุ้นก็จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ระบาด และการเลือกใช้มาตรการควบคุมของแต่ละประเทศเป็นสำคัญ
สำหรับกระทบต่อตลาดหุ้นไทย บล.ทิสโก้ ประเมินแนวรับในเดือนธันวาคมที่ 1,550 – 1,560 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,520 – 1,530 จุด ขณะที่แนวต้านสำคัญของเดือนนี้อยู่ที่ 1,620 จุดและ 1,640 จุด ตามลำดับ
" อิงจากการระบาด 2 รอบล่าสุดในปีนี้ คือ เมษายนถึงเดือนพฤษภาคม 2564 และเดือน กรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม 2564 ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงจากพีคประมาณ 60 จุด และ 120 จุด ตามลำดับ และเมื่อพิจารณาควบคู่กับปัจจัยพื้นฐานในแง่ของค่าเฉลี่ยอัตราราคาต่อกำไรล่วงหน้า (12m Fwd. PER) ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และปัจจัยเทคนิค บล.ทิสโก้ประเมินว่าดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ที่มีนัยสำคัญเหมาะแก่การทยอยสะสมอยู่ 2 ระดับ คือ 1. บริเวณ 1,590-1,600 จุด และ 2. 1,500-1,530 จุด และในช่วงนี้แนะนำให้ปรับพอร์ตตั้งรับ รวมถึงถือเงินสดในพอร์ตเพิ่มขึ้น "