บลจ.บีแคปชี้ ตลาดกังวลโอมิครอน เป็นจังหวะดีซื้อกองลดหย่อนภาษี

01 ธ.ค. 2564 | 12:04 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ธ.ค. 2564 | 19:04 น.

บลจ.บีแคปชี้ ตลาดกังวลโอมิครอน เป็นจังหวะดีซื้อกองลดหย่อนภาษีปีนี้ แนะ 2 ซีรี่ย์ ”BCAP-Global Wealth SSF และ BCAP Global Target Date RMF” นอกจากลงทุน ยังลดหย่อนภาษีปีนี้

นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) บางกอกแคปปิตอล จำกัด หรือ BCAP เปิดเผยว่า เดือนธันวาคม นับเป็นช่วงเทศกาลวางแผนภาษี โดยเฉพาะช่วงนี้ตลาดหุ้นและสินทรัพย์หลายประเภทมีความผันผวน และปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” จึงถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่มีผลการดำเนินงานดีสม่ำเสมอ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีปี 2564 ซึ่งเหลือเวลาลงทุนอีกไม่ถึงเดือน

นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บลจ. บางกอกแคปปิตอล จำกัด

บลจ.บีแคป ขอแนะนำ ซีรี่ย์กองทุนเปิด บีแคป โกลบอล เวลท์ เพื่อการออม (BCAP -GW SSF)ทั้ง 5 กอง และซีรี่ย์กองทุนเปิดบีแคป โกลบอล ทาร์เก็ต เดท เพื่อการเลี้ยงชีพ (BCAP Global Target Date RMF) ซึ่งทั้ง 2 ซีรี่ย์กองทุนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนในด้านการลงทุนและการวางแผนรับสิทธิประโยชน์ทางด้านการลดหย่อนภาษี

กองทุนเปิด BCAP Global Target Date RMF ออกแบบมาให้เหมาะสมกับแผนการเกษียณของแต่ละช่วงวัยและได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร  ลงทุนขั้นต่ำเพียง 500 บาท ผ่านสาขาธนาคารกรุงเทพและบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ส่วนกองทุน BCAP -GW SSF เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ และลงทุนผ่านกองทุนรวมและETF ทั่วโลกเกือบ 70,000 ตัว ทำให้มีความคล่องตัวในการบริหารกองทุนสูง

 

ทั้งนี้ BCAP Global Target Date RMF โดยเป็นกองทุนรวมผสม มีนโยบายการลงทุนครอบคลุมทรัพย์สินทั่วโลก กระจายการลงทุนในหลากหลายทรัพย์สินทั้งในและต่างประเทศ ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ ทรัพย์สินทางเลือก  เช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REITs กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงทองคำ โดยกองทุนจะลงทุนผ่านกองทุนรวมและกองทุน ETF ทำให้มีความคล่องตัวในการบริหารกองทุนสูงและไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เพื่อสะสมผลตอบแทนที่ได้ลงทุนต่อเนื่อง ส่วนเงินลงทุนในต่างประเทศกองทุนจะป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

จุดเด่นของกองทุน RMF ที่ปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องตามช่วงอายุ  ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนตามปีที่จะเกษียณอายุผ่าน 3 ทางเลือกกองทุน ได้แก่ BCAP2030RMF สำหรับผู้ที่วางแผนเกษียณช่วงปี ค.ศ.2025-2035 (พ.ศ. 2568-2578) , BCAP2040RMF สำหรับผู้ที่วางแผนเกษียณช่วงปี ค.ศ.2036-2045 (พ.ศ. 2579-2588) และ BCAP2050RMF สำหรับผู้ที่วางแผนเกษียณช่วงปี ค.ศ.2046-2055 (พ.ศ. 2589-2598)

 

นอกจากนั้น แต่ละกองทุนจะมีทีมผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละสินทรัพย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิดในการปรับพอร์ตการลงทุนและติดตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสม โดยไม่ต้องกังวลกับตลาดที่มีความผันผวนค่อนข้างสูง

 

ปัจจุบันประเทศไทยมีแนวโน้มเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการวางแผนเกษียณจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในขณะที่คนแต่ละช่วงอายุมีสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมและความเสี่ยงที่รับได้แตกต่างกัน การมีกองทุนที่จัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับแต่ละช่วงอายุและสอดคล้องกับแผนการเกษียณจึงเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุน สำหรับผู้ที่อายุยังน้อย มีเวลาในการลงทุนมากควรเน้นลงทุนในทรัพย์สินเสี่ยง เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว

 

ส่วนผู้ที่ใกล้เกษียณอายุต้องเพิ่มการลงทุนในทรัพย์สินมั่นคง เพื่อเน้นรักษาเงินต้น ซึ่งรูปแบบการลงทุนดังกล่าวถูกออกแบบผ่านกองทุนเปิดบีแคป โกลบอล ทาร์เก็ต เดท เพื่อการเลี้ยงชีพ ตอบโจทย์ทุกวัย

 

สำหรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเมื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร โดยกองทุน RMF สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินและวงเงินลงทุนได้ไม่เกิน 500,000 บาท โดยต้องนับรวมกองทุนเพื่อการออม (SSF) วงเงินปกติ และการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ โดยต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปี นับตั้งแต่ซื้อครั้งแรก (นับแบบวันชนวัน) และขายคืนได้เมื่อถือจนอายุ 55 ปีบริบูรณ์

 

ในส่วนของกองทุน SSF สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินและวงเงินลงทุนได้ไม่เกิน 200,000 บาทและต้องถือครองอย่างน้อย 10 ปี (นับแบบวันชนวัน)