ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,650.95 จุด ลดลง 320.04 จุด หรือ -0.89%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,668.97 จุด ลดลง 43.05 จุด หรือ -0.91% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,413.28 จุด ลดลง 217.32 จุด หรือ -1.39%
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยืนยันว่า พบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโอมิครอนรายแรกในประเทศ พร้อมกับเตือนด้วยว่า อังกฤษกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหญ่ของไวรัสโอมิครอน และวัคซีน 2 โดสไม่เพียงพอที่จะควบคุมไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว โดยการแสดงความเห็นของนายจอห์นสันมีขึ้นหลังจากทีมนักวิทยาศาสตร์ของอังกฤษประกาศยกระดับการเตือนภัยโควิด-19 สู่ระดับ 4 จากทั้งหมด 5 ระดับ
มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษออกรายงานระบุว่า การฉีดวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ หรือแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 2 เข็ม อาจไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโอมิครอน
รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับผลการศึกษาของสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของอังกฤษ (HSA) ที่พบว่า การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ หรือแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 2 เข็มให้ประสิทธิภาพต่ำในการป้องกันอาการของโรคโควิด-19 จากสายพันธุ์โอมิครอน เมื่อเทียบกับการป้องกันสายพันธุ์เดลตา
หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญลดลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโอมิครอนอาจทำให้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการควบคุมการเดินทางอีกครั้ง
ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า รวมถึงการปรับลดอัตราการซื้อพันธบัตร
ก่อนหน้านี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) เร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะปูทางให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
โกลด์แมน แซคส์ออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดจะเพิ่มการปรับลดวงเงิน QE เป็นเดือนละ 30,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะปูทางให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.2565 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ที่สหรัฐเผชิญการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563