ดาวโจนส์ปิดลบ 90 จุด นักลงทุนเทขายทำกำไร-หุ้นกลุ่มเรือสำราญร่วง

30 ธ.ค. 2564 | 23:49 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ธ.ค. 2564 | 06:49 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวานนี้ (30 ธ.ค.) นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากดาวโจนส์พุ่งขึ้นติดต่อกันยาวนานถึง 6 วันทำการ รวมทั้งแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเรือสำราญ หลังมีรายงานการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 บนเรือ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,398.08 จุด ลดลง 90.55 จุด หรือ -0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,778.73 จุด ลดลง 14.33 จุด หรือ -0.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,741.56 จุด ลดลง 24.65 จุด หรือ -0.16%
   

ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลแรงงานที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8,000 ราย สู่ระดับ 198,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 205,000 ราย  อย่างไรก็ดี ตลาดอ่อนแรงลงในช่วงท้ายของการซื้อขาย เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร
 

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งต่างก็ปรับตัวลง 0.68% ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.59% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.44% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 0.88% ส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ร่วงลง 2.10% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.77% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 0.66% หุ้น NVIDIA ร่วงลง 1.38%
         

หุ้นกลุ่มเรือสำราญร่วงลง หลังมีรายงานว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐกำลังเร่งตรวจสอบและสังเกตการณ์เรือสำราญ 88 ลำ หลังได้รับรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ หุ้นนอร์วีเจียน ครูซ ไลน์ ดิ่งลง 2.59% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ร่วงลง 1.27% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ลดลง 1.11%
 

หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ดิ่งลง 2.37% หลังจากบริษัทออกแถลงการณ์ว่า มาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันโควิด-19 ในเมืองซีอานของจีน อาจส่งผลให้การส่งมอบชิป DRAM ให้กับลูกค้าต้องล่าช้าออกไป โดยรัฐบาลจีนได้บังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดในการจำกัดการเดินทางทั้งขาเข้าและขาออกในเมืองซีอานตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. ตามแนวทางของรัฐบาลจีนเพื่อสกัดการแพร่ระบาดโดยทันที
         

หุ้นเทสลา ร่วงลง 1.46% หลังจากสำนักงานความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐ (NHTSA) เปิดเผยว่า เทสลาได้เรียกคืนรถยนต์จำนวนเกือบ 500,000 คัน เนื่องจากมีปัญหาซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายต่อการขับขี่
         

ทั้งนี้ เทสลาประกาศเรียกคืนรถยนต์รุ่น Model 3 จำนวน 356,309 คัน ซึ่งมีการผลิตในปี 2017-2020 เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับกล้องมองหลัง และเรียกคืนรถยนต์รุ่น Model S จำนวน 119,109 คัน เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับฝากระโปรงหน้าซึ่งอาจเปิดขึ้นมาระหว่างการขับ และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการที่ผู้ขับขี่ถูกบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็น