บล.ไทยพาณิชย์ ฟันธงดัชนีหุ้นไทย 1750 จุด เสิร์ฟ 10 หุ้นรับเทรนด์ปีเสือ

06 ม.ค. 2565 | 08:03 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ม.ค. 2565 | 15:05 น.

บล.ไทยพาณิชย์ ฟันธงดัชนี SET ปี 65 เคลื่อนไหว 1550-1750 จุด เสิร์ฟ 10 หุ้นเด่นรับเทรนด์ธุรกิจโลกยุคใหม่ เตือนปัจจัยเสี่ยง "ตลาดเงินโลกผันผวน -ศก.จีนชะลอ -โอมิครอนลาม" ชี้หากคุมโอมิครอนไม่อยู่ ศก.ไทยเสี่ยงโตเพียง 2.6%

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า ประเมินการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) มีความเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจและการลงทุนในช่วงไตรมาสที่ 1/65 โดยหากไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ภายในไตรมาสที่ 1/65 จะมีความเสี่ยงต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปีนี้ 2565 

 

ทั้งนี้ บล.ไทยพาณิชย์ มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2565  "บวกอย่างระมัดระวัง” โดยคาดเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 3.6-4.0% จากที่เติบโต +1.0% ในปี 2564 คาดส่งออกจะเติบโต 2% และนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 8 ล้านคน

 

ขณะเดียวกันประเมินผลตอบแทนของ SET Index ภายในสิ้นปี 2565 ที่ 5% และ 8% เมื่อรวมเงินปันผล แต่ในกรณีเลวร้ายหากไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้  อาจส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลดลงเหลือ 2.6% (กรณีเลวร้ายที่สุด) ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) มีโอกาสเติบโตใกล้ 0%
 

"ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ความผันผวนของตลาดการเงินโลก ความเสี่ยง Global Stagflation ความผันผวนด้านภูมิอากาศโลก และการระบาดของไวรัสโอมิครอน  โดยการระบาดของโอมิครอน มีโอกาสกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2565 ให้ลดลงจากระดับที่ IMF เคยคาดการณ์ไว้สำหรับปี 2565 ที่ 4.9% เหลือเพียง 3.6%  ส่วนเศรษฐกิจไทย มีความเสี่ยงลดลงจากประมาณการณ์ล่าสุดที่ 3.6% เหลือ 2.6% หากแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต้องเลื่อนระยะเวลาออกไป รวมถึงรัฐบาลกลับมาคุมเข้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ "

 

บล.ไทยพาณิชย์ ประเมิน SET Index ปี 2565 มีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1550-1750 จุด ค่ากลางที่ 1660 จุด ซึ่งเป็นระดับในปัจจุบัน ส่วนกลยุทธ์การลงทุน เน้นหุ้นเติบโตที่ราคาสมเหตุสมผล โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

 

บล.ไทยพาณิชย์ ฟันธงดัชนีหุ้นไทย 1750 จุด เสิร์ฟ 10 หุ้นรับเทรนด์ปีเสือ

 

  • 1) หุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโตได้ดีตามวัฏจักรเศรษฐกิจและการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ได้แก่ KBANK, AMATA, ZEN, LH และ GULF
  •  2) หุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่ ได้แก่ DELTA, ADVANC, ONEE, SECURE และ XPG
     

สรุปประเด็นการลงทุนของหุ้นรายตัวมีดังนี้

 

  • KBANK: หนึ่งในผู้นำด้าน Digital banking คาดกำไรสุทธิปี 2565 มี upside จาก credit cost ที่มีโอกาสลดลง

 

  • AMATA: คาดว่ายอดการโอนที่ดินจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ต่อเนื่องถึงปี 2565 จากลูกค้าหลักในกลุ่มพลังงาน ยานยนต์ และ โลจิสติกส์

 

  • ZEN: ได้รับประโยชน์จากการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย ส่งผลบวกต่อแนวโน้มกำไรปี 2565       

 

  • LH: ปี 2565 คาดได้รับแรงหนุนจากการผ่อนปรน LTV บ้านหลังที่ 2 และ 3 เต็มที่ เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมของการเปิดโครงการใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น 50%  

 

  • GULF: กำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12.4% ต่อปีในช่วง 7 ปีข้างหน้า ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน INTUCH ช่วยสร้างความมั่นคงของกำไรสุทธิ

 

  • DELTA: ได้รับประโยชน์จากฐานลูกค้าในกลุ่ม EV car, พลังงานสะอาด และ โทรคมนาคม

 

  • ADVANC: มีโอกาสจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นสำหรับปี 2565 เนื่องจากงบลงทุนลดลง รวมถึงได้รับประโยชน์จากเทรนด์ธุรกิจ Metaverse

 

  • ONEE: ประเมินธุรกิจโฆษณาผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยจะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนในปี 2565

 

  • SECURE: ได้รับประโยชน์จากโลกในยุคดิจิทัลที่ทำให้ความปลอดภัยในเรื่องของข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้น

 

  • XPG: ผลประกอบการปี 2565 Turnaround หลังเข้าสู่ธุรกิจ Digital Asset