ธปท. สมาคมธนาคารไทย สมาคมสถาบันการเงินของรัฐหนุน 6แบงก์นำร่องให้บริการ dStatement รับส่งข้อมูลดิจิทัลรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝากหรือ bank statement ในรูปแบบดิจิทัล คาดครึ่งปีแรกอีก 5ธนาคารทยอยให้บริการเพิ่มเติม ระบุเบื้องต้นค่าธรรมเนียมลดเหลือสูงสุด 75บาทจาก200บาทพร้อมเร่งผลักดันดึงให้ผู้ใช้บริการแตะ 1ล้านรายในปีแรก หวังประหยัดต้นทุน 250-500ล้านบาท
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่าการเปิดตัวบริการ dstatement ในวันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างระบบนิเวศน์ที่แบ่งปันข้อมูล (open data ecosystem) เพื่อวางรากฐานที่จำเป็นให้ภาคการเงินไทยโดยนำเทคโนโลยีมาช่วยแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นการเร่งให้ระบบการเงินของประเทศก้าวสู่โลกการเงินดิจิทัล โดยการรับและส่งข้อมูล dstatementตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นการปลดล็อคให้ผู้ใช้ไบริการได้ประโยชน์ทั้งสามารถเข้าถึงระบบการเงิน รวดเร็ว ปลอดภัยป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล และสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างบริการ หรือผลิตภัณฑ์และค่าธรรมเนียของแต่ละสถาบันการเงินได้ด้วย
“ ความร่วมมือกับแบงก์พาณิชย์และแบงก์รัฐจะเป็นโครงการนำร่องของการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลในการเดินบัญชีเงินฝาก โดยคาดหวังว่าอนาคตเมื่อมั่นใจเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพภายใต้มาตรฐานความมีธรรมาภิบาลของผู้ใช้บริการแล้ว ธปท.คาดหวังว่าการOpen Dataเชื่อมไปสู่การแลกเปลี่ยนข้อมูลในกลุ่มนันแบงก์ หรือภาคธุรกิจอื่นๆรวมถึงการต่อยอดกับนิติบุคคลได้มากขึ้น และหน่วยงานภาครัฐ เช่น การทำวีซ่า”
ดร.ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร รองผู้อำนวยการ กลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กร ธปท. อธิบายเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันคำขอใช้บริการจะมีต้นทุนอยู่ที่ 500บาทต่อ 1 คำขอ คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีคำขอใช้บริการประมาณ 10ล้านคำขอจากที่มีอยู่ 9.6ล้านคำขอ โดย ภายหลังจากใช้ dstantement เบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการ 5-10%ประมาณ 5แสนคำขอถึง 1ล้านคำขอ ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนประมาณ 250-300ล้านบาทส่วนระยะต่อไป หากมีผู้ใช้งาน dstatement เพิ่มขึ้นทั้งระบบคาดว่าจะช่วยประหยัดต้นทุนราว 2,500-3,000ล้านบาท ส่วนค่าธรรมเนียมบริการ dstatement กำหนดไว้สูงสุด 75บาทต่อครั้งต่อ 1บัญชี ทั้งนี้ แต่ละธนาคารจะคิดค่าธรรเนียมไม่เท่ากันภายใต้ระบบบริการที่แตกต่างกัน แต่การใช้ dstatementสามารถลดต้นทุนค่าธรรมเนียมจากเดิมอยู่ที่ 200บาท
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก สนับสนุนการพัฒนาบริการ dStatement มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การเข้าถึงสินเชื่อของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง สะดวก และเป็นธรรม โดยบริการ dStatement เป็นตัวอย่างการสร้างระบบนิเวศด้านข้อมูลของภาคการเงิน เอื้อให้เกิดนวัตกรรมบริการทางการเงิน บนช่องทางดิจิทัลเพิ่มเติม ส่งผลให้ประชาชนได้รับบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงจุดขึ้น มีความสะดวกรวดเร็ว และช่วยยกระดับการให้บริการของธนาคารแต่ละแห่งให้
สอดคล้องกับกับแผนยุทธศาสตร์ 3 ปีของสมาคมธนาคารไทย ในการนำระบบเทคโนโลยีมาสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมธนาคาร (Enable Country Competitiveness) ผ่านการสร้างแนวทางการเชื่อมโยงข้อมูลและการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ลดต้นทุนจากกิจกรรมที่ซ้ำซ้อนกันโดยไม่จำเป็น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และรองรับการเปลี่ยนแปลงของภาคธนาคารในอนาคต เป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
“ เรากำลังผลักดันการเชื่อมโยงระบบนิเวศน์ของLandscapeของระบบการเงินไทยตามนโยบายของธปท.ที่จะเชื่อมบริการโดยเปิดกว้างผู้ใช้บริการต่อยอดบริการทางการเงินทั้ง 3แนวทาง Open Infrastructure Open Data Open Competition โดยความร่วมมือครั้งนี้เป็นการร่วมวางโครงสร้างพื้นฐานและวางมาตรฐานของการส่งต่อข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลและประมวลข้อมูลที่มีประสิทธิภาพเพื่อจะก้าวสู่Digital economy”
นายฉัตรชัย ศิริไล ประธานสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ กล่าวว่า สถาบันการเงินของรัฐมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านบริการทางการเงินแก่ประชาชนด้วยฐานลูกค้าที่ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม และเชื่อมั่นว่าการเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากข้อมูลของตนเองได้มากยิ่งขึ้น จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้สะดวกขึ้น โดยมีภาระต้นทุนทางการเงินที่ลดลงเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งสมาคมสถาบันการเงินของรัฐและสมาชิกได้ให้การสนับสนุนความร่วมมือของโครงการนี้มาโดยตลอด
“ ปัจจุบันแบงก์รัฐ 3ธนาคารใหญ่คือธอส. ออมสินและธ.ก.ส.รวมกันมีฐานลูกค้าเกือบ 20ล้านรายซึ่งมีการใช้โมบายแอปพลิเคชั่นทั้งของแบงก์รัฐและแบงก์พาณิชย์อยู่แล้ว โดยเดือนมี.ค.ธอส.จะสามารถให้บริการทั้งรับและส่งข้อมูลก่อน หลังจากนั้นเดือนมิ.ย.ทั้ง 3แบงก์พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบ”
ธปท. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ หวังว่าบริการ dStatement นี้ จะช่วยให้ประชาชนได้รับประโยชน์และประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นในการใช้บริการการเงินดิจิทัล โดยในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า จะยังมีความร่วมมือในการขยายขอบเขตการให้บริการเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงบริการทางการเงินที่หลากหลายผ่านช่องทางดิจิทัลที่สะดวกและรวดเร็ว ขณะที่ผู้ให้บริการสามารถพัฒนาบริการทางการเงินที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้ดียิ่งขึ้น