สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดร่วงลงหลุดจากระดับ 1,800 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี (27 ม.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส4/64 แข็งแกร่ง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 36.6 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 1,793.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.7% เมื่อคืนนี้ ซึ่งส่งผลให้สัญญาทองคำมีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองเงินสกุลอื่น
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมในวันพุธว่า "ยังคงมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน และเฟดไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่าอาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เมื่อพิจารณาจากตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงมากในขณะนี้"
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ของสหรัฐขยายตัว 6.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.5% โดยเศรษฐกิจสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งการที่ภาคธุรกิจเพิ่มเติมสต็อกสินค้าคงคลัง ทั้งนี้คาดว่าทั้งปี 2564 ตัวเลขจีดีพีสหรัฐจะขยายตัว 5.7% ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2527 หลังจากที่หดตัว 3.4% ในปี 2563 ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2489 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19