เมืองไทยประกันชีวิต เปิดกลยุทธ์ ปี2565“MTL Next To You”หนุนโตอย่างยั่งยืน

30 ม.ค. 2565 | 10:54 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ม.ค. 2565 | 18:04 น.

เมืองไทยประกันชีวิต  เปิดกลยุทธ์ ปี65 “MTL Next To You” สาระ ล่ำซำ ย้ำมุ่งตอบโจทย์ทุกมิติหนุนสร้างการเติบโตยั่งยืน ตั้งเป้าเบี้ยประกับรับใหม่-ช่องทางตัวแทนโต10%

 

"เมืองไทยประกันชีวิต  เปิดกลยุทธ์ ปี2565" นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (MTL) เปิดเผยว่าในปี 2565 นี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตรับใหม่อยู่ที่ 10% โดยมาจากประกันสุขภาพเติบโต 10% ยูนิตลิงก์ เติบโต 40-50% ประกันชีวิต เติบโต 7-10% และออมทรัพย์ เติบโต 5-7%ขณะเดียวบริษัทตั้งเป้าช่องทางตัวแทนเติบโต 20% แบงก์แอสชัวรันส์ เติบโต 5% และ ช่องทางดิจิทัล เติบโต 100%

 

เมืองไทยประกันชีวิต เปิดกลยุทธ์ ปี2565“MTL Next To You”หนุนโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อการเติบโตทางธุรกิจและตรงต่อความต้องการของลูกค้า ที่มุ่งเน้นการพัฒนาขีดความสามารถของช่องทางการขายเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน การพัฒนากระบวนการทำงานในทุกด้าน การขยายธุรกิจและบริการผ่านพันธมิตรทางธุรกิจในรูปแบบใหม่ ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้าการเป็นองค์กรที่ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีในการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการลูกค้า รวมไปถึงการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดที่มีศักยภาพในต่างประเทศ เช่น กลุ่มประเทศอาเซียน และขยายสู่ธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงและส่งเสริมธุรกิจ การบริหารความเสี่ยงที่มีปสิทธิภาพ และการมีธรรมาภิบาลที่ดี

 "ปีนี้บริษัทจะดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “MTL Next To You” ที่มุ่งเน้นการพัฒนารอบด้านเพื่อตอบโจทย์ทุกมิติเฉพาะตัวแบบEnd to End อย่างยั่งยืนและมีจุดยืนในการเป็นผู้นำตลาดด้านความคุ้มครองสุขภาพ และการบริหารความมั่งคั่ง รวมทั้ง ยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากลเพื่อสามารถรับมือกับโลกยุคดิจิทัลเต็มตัว"

เมืองไทยประกันชีวิต เปิดกลยุทธ์ ปี2565“MTL Next To You”หนุนโตอย่างยั่งยืน

 

ทั้งนี้เพื่อตอบรับโลกยุคใหม่ บริษัทได้ยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากล สามารถรับมือกับโลกยุคดิจิทัลด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลระบบกระบวนการทำงานอัตโนมัติหรืออาร์ทีเอ เพื่อให้การทำงานเพิ่มประสิทธิภาพและนำปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาใช้ รวมถึงการเชื่อมต่อ กับเครือข่ายพันธมิตร ทางธุรกิจในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายสถานพยาบาลพันธมิตรในตลาด e-commerce พันธมิตรในกลุ่ม startup ด้านInsureTech  Health Tech หรือBlockchainมาช่วยเข้าถึงความต้องการของลูกค้า

 

สำหรับแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตรงต่อความต้องการของลูกค้าแบบ Outside In ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมพัฒนา และผสมผสานรูปแบบของการบริการทั้งเรื่องของนวัตกรรมใหม่ การบริการผ่านระบบดิจิทัลและนันดิจิทัลเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการทั้ง Self service และ Human Touch

เมืองไทยประกันชีวิต เปิดกลยุทธ์ ปี2565“MTL Next To You”หนุนโตอย่างยั่งยืน

 

 

ที่ผ่านมาปี2564 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับใหม่เติบโต 10% โดยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง(Health&CI)มีการเติบโตอยู่ที่ 31% มีสัดส่วนการขายแบบประกันชีวิตประเภทคุ้มครองชีวิตและประกันชีวิตควบการลงทุนอยู่ที่ 77% อัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่ของผลิตภัณฑ์ประกันประกันชีวิตควบการลงทุนอยู่ที่ 1,116%โดยมีกำไรสุทธิมากกว่าในปี 2563 ที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่กว่า 7,000 ล้านบาท

 

ด้านนโยบายในต่างประเทศนั้น บริษัทได้มีการลงทุนใน 4บริษัท ได้แก่ บริษัท Sovannaphum Life Assurance ประเทศกัมพูชา มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับปีแรก อยู่ที่ 30% บริษัท Dara Insurance ประเทศกัมพูชา ในส่วนของเบี้ยรับรวมเติบโต 18% บริษัท ST-Muang Thai Insurance ประเทศลาว มีอัตราการเติบโตของเบี้ยรับประกันภัยปีแรกอยู่ที่ 65% บริษัท MB Ageas Life ในเวียดนาม มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตรับใหม่อยู่ที่ 35% และมีเบี้ยรับรวมในส่วนของช่องทางตัวแทนเติบโต 116% โดยในปี2565บริษัทยังคงเดินหน้าอาจจะขยายบริการไปประเทศอื่นนอกจากในกลุ่มอาเซียน

 

นายสาระ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ บริษัทยังมีเป้าหมาย ยกระดับองค์กรเป็นองค์กรที่น่าอยู่และเป็นห่วงกรแห่งแรกแห่งการเรียนรู้ ด้วยการพัฒนาพนักงานให้มีขีดความสามารถรอบด้านเป็นศูนย์รวมของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ หลากหลายมิติ เพื่อคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กระบวนการทำงานรวมถึงพัฒนาองค์กรให้มีความทันสมัยก้าวทันกับโลก ตลอดเวลาพร้อมเปิดรับคนรุ่นใหม่มาร่วมขับเคลื่อนองค์กรสู่โลกดิจิตอล และยังให้ความสำคัญ การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับความรับผิดชอบในด้านการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมด้านสังคมและธรรมาภิบาล(ESG)อีกด้วย