ดาวโจนส์ปิดร่วง 171.89 จุด วิตกสถานการณ์ยูเครน-เฟดขึ้นดอกเบี้ย

14 ก.พ. 2565 | 23:45 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ก.พ. 2565 | 06:45 น.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,566.17 จุด ลดลง 171.89 จุด หรือ -0.49% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,401.67 จุด ลดลง 16.97 จุด หรือ -0.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,790.92 จุด ลดลง 0.24 จุด หรือ -0.00%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (14 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน โดยล่าสุดสหรัฐสั่งย้ายสถานทูตอเมริกันในกรุงเคียฟไปยังพื้นที่ฝั่งตะวันตกของยูเครนแล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ สนับสนุนให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
 

นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและอังกฤษเตือนว่า รัสเซียพร้อมที่จะบุกโจมตียูเครนได้ทุกเมื่อ ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้สั่งย้ายสถานทูตอเมริกันในกรุงเคียฟไปยังเมืองลวิว ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของยูเครน เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนยูเครนมีความตึงเครียดอย่างมาก

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์  กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC ว่า เฟดจำเป็นต้องถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเร็วกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นมากกว่าคาด โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายบูลลาร์ดได้สร้างความตื่นตระหนกในตลาดด้วยการกล่าวว่าเฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ภายในเดือนก.ค.

 

แซม สโตวอล นักวิเคราะห์จากบริษัท CFRA Research กล่าวว่า ตลาดถูกกดดันการที่เจ้าหน้าที่เฟดสายเหยี่ยวอย่างนายบูลลาร์ด ได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการให้เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี อย่างไรก็ดี สโตวอลมองว่า สถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนอาจเป็นปัจจัยลบต่อตลาดแค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานั้น ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
 

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2.2% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.53% หุ้นเชฟรอน ลดลง 1.54% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดิ่งลง 2.11% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 3.46%
         

ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และดัชนีหุ้นกลุ่มธุรกิจการสื่อสาร ปรับตัวขึ้น 0.58% และ 0.32% ตามลำดับ

 

นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทวอลมาร์ท และอินวิเดีย (Nvidia)
         

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.พ.จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.พ.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), รายงานการประชุมเฟด, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนม.ค.จาก Conference Board