นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ" ประเมินผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน ต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ว่าภาพรวมไม่น่าจะส่งผลกระทบ โดยยังคงเป้าหมายดัชนี SET ช่วง 12 เดือนข้างหน้า ที่ 1740 จุด คำนวณอิงอัตรากำไรต่อหุ้น ( EPS ) ที่ 107 บาท และระดับผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ มองว่าผลกระทบน้อยมาก อีกทั้งอาจเป็นการเพิ่มอัพไซด์ต่อประมาณการรายได้ในหุ้นกลุ่มพลังงานด้วยซ้ำ ถ้าสถานการณ์ยังยืดจนส่งผลต่อราคาพลังงาน
"ผลกระทบจากสงครามยูเครน-รัสเซีย ผลกระทบดาวน์ไซด์ มองว่าน้อยมาก เพราะเศรษฐกิจไทย หรือ บจ.ที่ทำธุรกิจ เชื่อมโยงกับทางรัสเซียหรือยูเครนอย่างมีนัยยะสำคัญน้อยมาก ประเด็นที่เราเป็นห่วงมากกว่าก็คือสถานการณ์ภายในประเทศ ตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อจากโควิด-19 ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศ และแผนการเปิดประเทศ ผลต่อการดำเนินงานของ บจ.ในตลาด " นายณัฐชาต กล่าวและว่า
นอกจากนี้ ในแง่ของการไหลของเงินทุนต่างประเทศ (ฟันด์โฟลว์) จากวิกฤติยูเครน-รัสเซีย กลับเป็นผลดีต่อประเทศไทย ในฐานะที่ต่างชาติมองไทยเป็นหลุมหลบภัยระยะสั้น ซึ่งสะท้อนจาก"ค่าเงินบาท" ที่กลับมาแข็งแกร่งตั้งเกิดเหตุการณ์ความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน และเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ เป็นต้นมา ก็สะท้อนว่าหุ้นไทยยังแกร่ง
ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ( 1 ม.ค.-24 ก.พ.65 ) ต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นไทยสุทธิ 70,512.08 ล้านบาท และเป็นตัวเลขเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ ( 1-24 ก.พ.65 ) ซื้อสุทธิ 56,152.73 ล้านบาท