"บล.ทรีนิตี้" ชี้วิกฤติยูเครน หนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้าไทย

25 ก.พ. 2565 | 03:52 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.พ. 2565 | 10:53 น.

บล.ทรินิตี้ มอง "วิกฤตยูเครน" เป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย ทั้งอัพไซด์เพิ่มจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า มองไทยเป็นหลุมหลบภัยระยะสั้น กังวลยอดป่วยโควิด-19 พุ่ง กระทบการบริโภค- เปิดประเทศ มากกว่า คงเป้าดัชนี SET ที่ 1740 จุด

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ" ประเมินผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน ต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ว่าภาพรวมไม่น่าจะส่งผลกระทบ  โดยยังคงเป้าหมายดัชนี SET ช่วง 12 เดือนข้างหน้า ที่ 1740 จุด  คำนวณอิงอัตรากำไรต่อหุ้น ( EPS ) ที่ 107 บาท และระดับผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ มองว่าผลกระทบน้อยมาก อีกทั้งอาจเป็นการเพิ่มอัพไซด์ต่อประมาณการรายได้ในหุ้นกลุ่มพลังงานด้วยซ้ำ ถ้าสถานการณ์ยังยืดจนส่งผลต่อราคาพลังงาน
 

"ผลกระทบจากสงครามยูเครน-รัสเซีย ผลกระทบดาวน์ไซด์ มองว่าน้อยมาก เพราะเศรษฐกิจไทย หรือ บจ.ที่ทำธุรกิจ เชื่อมโยงกับทางรัสเซียหรือยูเครนอย่างมีนัยยะสำคัญน้อยมาก  ประเด็นที่เราเป็นห่วงมากกว่าก็คือสถานการณ์ภายในประเทศ ตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อจากโควิด-19 ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศ และแผนการเปิดประเทศ  ผลต่อการดำเนินงานของ บจ.ในตลาด " นายณัฐชาต กล่าวและว่า

นอกจากนี้ ในแง่ของการไหลของเงินทุนต่างประเทศ (ฟันด์โฟลว์) จากวิกฤติยูเครน-รัสเซีย กลับเป็นผลดีต่อประเทศไทย ในฐานะที่ต่างชาติมองไทยเป็นหลุมหลบภัยระยะสั้น ซึ่งสะท้อนจาก"ค่าเงินบาท" ที่กลับมาแข็งแกร่งตั้งเกิดเหตุการณ์ความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน และเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ เป็นต้นมา ก็สะท้อนว่าหุ้นไทยยังแกร่ง 

 

ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ( 1 ม.ค.-24 ก.พ.65 ) ต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นไทยสุทธิ 70,512.08 ล้านบาท  และเป็นตัวเลขเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ ( 1-24 ก.พ.65 ) ซื้อสุทธิ 56,152.73 ล้านบาท