สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (3 มี.ค.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ยูเครนและภาวะเงินเฟ้อเป็นปัจจัยผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่สัญญาพัลลาเดียมพุ่งขึ้นเกือบ 2.5% ท่ามกลางความกังวลที่ว่า อุปทานพัลลาเดียมจะได้รับผลกระทบจากการที่นานาประเทศประกาศคว่ำบาตรรัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตพัลลาเดียมรายใหญ่ของโลก
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 13.6 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ 1,935.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในเดือนมี.ค. ซึ่งไม่รุนแรงเท่ากับที่เจ้าหน้าที่เฟดเคยส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่าอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในเดือนดังกล่าว
ส่วนราคาพัลลาเดียมพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า การที่รัสเซียถูกนานาประเทศคว่ำบาตรอาจส่งผลกระทบต่อภาวะอุปทานพัลลาเดียมในตลาดโลก โดยรัสเซียสามารถผลิตพัลลาเดียมได้มากถึง 40% ของปริมาณการผลิตทั่วโลก
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 56.5 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 61.0 หลังจากแตะระดับ 59.9 ในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของสหรัฐได้รับผลกระทบจากภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน เงินเฟ้อ และการขาดแคลนแรงงาน โดยดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่