ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดเช้าวันนี้ ( 7 มี.ค.65) ดัชนี SET เมื่อเวลา 10.00.29 น.ร่วง 21.38 จุด หรือ -1.28% อยู่ระดับ 1,650.34 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8,949.37 ล้านบาท โดยดัชนีปรับสูงสุด 1,655.19 จุด และอยู่ระดับต่ำสุด 1,648.20 จุด
ดัชนีSET50 อยู่ระดับ 996.81 จุด ลดลง 12.87 จุด หรือ -1.27% มูลค่าการซื้อขาย 6,291.24 ล้านบาท ดัชนีปรับสูงสุด 999.46 จุด และอยู่ระดับต่ำสุด 994.84 จุด
อัพเดตเมื่อเวลา 10.58 น. หุ้นไทย ปรับตัวลดลง 32.92 จุด หรือ -1.97% ดัชนี SET อยู่ระดับ 1,638.80 จุด มูลค่าซื้อขาย กว่า 41,849 ล้านบาท ดัชนีปรับสูงสุด 1,655.19จุด และต่ำสุด 1,637.75 จุด
ขณะที่ SET50 ยืนระดับ 990.08 จุด ปรับลดลง 19.60 จุด หรือ -1.94% มูลค่าซื้อขาย27,257.47 ล้านบาท ดัชนีสูงสุดที่ระดับ 999.46 จุด ต่ำสุดอยู่ระดับ 989.23 จุด
อ่านเพิ่ม : "สงครามรัสเซีย-ยูเครน"ทุบหุ้นไทยเช้าดิ่งหนัก 43 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ไทยพาณิชย์ คาดหุ้นไทย SET ปรับตัวลง โดยปัจจัยกดดันหลักยังมาจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังดำเนินต่อ ในขณะที่สหรัฐ และพันธมิตร ดำเนินการคว่ำบาตรต่อ โดยเตรียมแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย คาด SET มีแนวรับถัดไปที่ 1650-1660 จุด ส่วนกรอบบนถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1683 และ 1700 จุด
กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy หรือเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง ส่วนพอร์ตหลักจุดซื้อเพิ่มรอคำแนะนำอีกครั้ง
ตลาดยังคงผันผวนจากสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซียและยูเครนซึ่งยากต่อการคาดการณ์ Downside โดยราคาพลังงาน (น้ำมัน ก๊าซ ถ่านหิน) ที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลต่อต้นทุนของ บจ. ที่ไม่สามารถปรับราคาขายได้เร็วเท่ากับต้นทุน กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ Selective Buy ในหุ้นคุณภาพและหุ้นเชิงรับที่ได้ประโยชน์จากกระแสเงินไหลเข้าและมีอำนาจกำหนดราคาสูง
ด้านนายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเปิดตลาดเช้าวันนี้ปรับตัวลงแรง จากนักลงทุนกังวลสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจยืดเยื้อ ทำให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง อย่างไรก็ตามบ้านเราได้หุ้นกลุ่มน้ำมันและถ่านหิน เช่น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และบมจ.บ้านปู (BANPU) พยุงตลาดไว้ได้ระดับหนึ่ง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งเหนือระดับ 125 ดอลลาร์/บาร์เรลแล้ว
แนะนำนักลงทุนหาแหล่งพักเงินในหุ้นปลอดภัย (Defensive Stock) เช่น กลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งเป็นหุ้นที่ปรับตัวลงน้อย
พร้อมให้กรอบแนวรับที่ 1,640-1,645 จุด รับถัดไปที่ 1,620 จุด และแนวต้าน 1,660-1,665 จุด