ก่อนสงครามรัสเซีย-ยูเครน เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 รายงานข้อมูลคาดการณ์การผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ไตรมาส 4/64 ที่พุ่งสูงขึ้น และกิจกรรมในประเทศดีขึ้นเมื่อต้นปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มสูงขึ้น นโยบายการเงิน
เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจาก “วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน” แนวโน้มทางเศรษฐกิจอาจแย่ลงในระดับปานกลางหรืออย่างเห็นได้ชัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและระยะเวลาของทั้งสงครามและการคว่ำบาตร เพื่อประเมินผลกระทบ 3สถานการณ์
วิจัยกรุงศรีได้ระบุสถานการณ์หลัก 3สมมติฐาน ได้แก่
สมมติฐานที่ 1 - สงครามสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม โดยคว่ำบาตรกิจกรรมการค้าและการเงินบางส่วนของรัสเซียยังคงดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นปี 2565
สมมติฐานที่ 2 – สงครามขยายไปถึงไตรมาส2ของปีนี้ และมีการคว่ำบาตรรัสเซียที่เข้มงวดมากขึ้น
สมมติฐานที่ 3 – สงครามยังคงดำเนินต่อไปจนถึงกลางปี และมีการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างเข้มงวด ซึ่งจะทำให้รัสเซียปิดกั้นการส่งออกพลังงานไปยังยุโรป ทำให้เกิดวิกฤตพลังงานทั่วทั้งทวีป ผลกระทบจะถูกส่งผ่าน 4ช่องทางหลัก ประกอบด้วย การค้าและการขนส่ง ความมั่นคงด้านพลังงาน เสถียรภาพราคา และผลกระทบด้านรายได้และตลาดทุน
อย่างไรก็ตาม หากสงครามสิ้นสุดในเดือนมีนาคม และการคว่ำบาตรยังคงดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นปี 2565 คาดว่า จีดีพีไทยในปีนี้ จะลดลงเป็น 3.3% หากสมมติฐานที่ 3 หมดไป (สงครามยังคงดำเนินต่อไปจนถึงกลางปี 2565 และรัสเซียเพื่อสกัดกั้นการส่งออกพลังงานไปยังยุโรป) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเพียง 1.3% ในปีนี้(เงินเฟ้อขยับแตะ 6.0%ฉุดภาคการส่งออกเหลือ 1.2%และปรับประมาณการราคาน้ำมันดิบเป็น 135ดอลลาร์/บาเรล)
กรณีพื้นฐาน (มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะเกิดขึ้น) คือ สมมติฐานที่ 2 จากการประเมินผลกระทบของวิกฤตยูเครนและมาตรการของรัฐบาลในการบรรเทาผลกระทบเชิงลบ โดยได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของจดีพี ปีนี้เป็น 2.8% จากก่อนหน้าคาดไว้ที่ 3.7% และปรับเพิ่มประมาณการเงินเฟ้อเป็น 4.8% จากก่อนหน้าคาดไว้อยู่ 2.7%
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นจะลดกำลังซื้อและทำให้การบริโภคในกลุ่มรายได้ต่างๆ ฟื้นตัวอย่างไม่สม่ำเสมอ จึงปรับลดคาดการณ์การเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนเหลือ 3.0% จาก 3.8% แม้ว่าการใช้จ่ายอาจได้รับแรงหนุนจากรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้น ผลกระทบจากการกลับมาเปิดดำเนินการ และนโยบายสนับสนุน
ขณะเดียวกันได้ปรับลดการเติบโตของมูลค่าส่งออกในปี 2565 เป็น 2.6% จาก คาดการครั้งก่อนอยู่ที่ 5.0% การส่งออกที่อ่อนแอ ราคานำเข้าที่พุ่งสูงขึ้น และรายได้จากการท่องเที่ยวที่ลดลง อาจนำไปสู่การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้ โดยประเมินวิกฤตยูเครนน่าจะส่งผลกระทบโดยตรงอย่างจำกัดต่อการส่งออกของไทย เนื่องจากการส่งออกไปรัสเซียและยูเครนคิดเป็นเพียง 0.38% และ 0.05% ของการส่งออกของไทยทั้งหมดในปี 2564 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม จะมีผลกระทบทางอ้อมมากขึ้นจาก
อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนคาดว่าจะลดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนเหลือ 5.5 ล้านคนในปี 2565 จากการคาดการณ์ครั้งก่อน 7.5 ล้านคน