เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) ประกาศ ลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคาร 4 ไทย วันนี้ (22 มี.ค.) ประกอบด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต เนื่องจากคาดว่าความเสี่ยงเชิงระบบที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธนาคารเหล่านี้
โดย S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทยลงสู่ระดับ BBB จากระดับ BBB+ พร้อมกับปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารกรุงไทย และธนาคารทีเอ็มบีธนชาต จากระดับ BBB ลงสู่ระดับ BBB-
ขณะเดียวกัน S&P ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารกรุงเทพ ที่ระดับ BBB+ โดยระบุว่า ธนาคารดังกล่าวมีความสำคัญในเชิงระบบในประเทศไทยซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้
นอกจากนี้ ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ระดับ BBB+ โดยระบุว่า ธนาคารได้ประโยชน์จากการเป็นธนาคารในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป
S&P ระบุว่า แม้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยง แต่คาดว่ามาตรการเหล่านี้อาจจะทำให้ผลกระทบที่เกิดจากปัญหาด้านการปล่อยกู้ในภาคธนาคารยืดเยื้อออกไปอีก
S&P ระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงเป็นไปอย่างเปราะบางและไม่เสมอภาคกันในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งคาดว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากการเดินทางระหว่างประเทศที่ต้องถูกเลื่อนออกไป อันเนื่องมาจากสงครามยูเครน
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า เงินกู้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในภาคธนาคารของไทยจะค่อยๆ ปรับตัวขึ้นในอีก 24 เดือนข้างหน้า จนแตะที่ระดับ 5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551
แม้ว่าการปรับโครงสร้างจะช่วยให้การทำธุรกิจดำเนินต่อไปได้ชั่วคราว แต่คาดว่ากลุ่มลูกหนี้ยังต้องพึ่งพาสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ ในช่วงเวลาที่รัฐยังขาดมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการลดภาระหนี้สินที่ระดับสูงของภาคครัวเรือน
อย่างไรก็ดี S&P ระบุว่า แนวโน้มของธนาคารไทยยังคงมีเสถียรภาพ เนื่องจากธนาคารยังสามารถรักษาฐานเงินทุน และอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ไว้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยรองรับผลกระทบได้บางส่วน