BBIK ขายบิ๊กล็อตให้ 3 กองทุนต่างชาติ 4.8 ล้านหุ้น ที่หุ้นละ 60 บาท

22 มี.ค. 2565 | 06:59 น.
อัปเดตล่าสุด :22 มี.ค. 2565 | 14:00 น.

BBIK เผย 3 กองทุนต่างชาติเข้าซื้อหุ้นบิ๊กล๊อต 4.8 ล้านหุ้น จากผู้บริหารระดับสูง 3 ราย มูลค่า 288 ล้านบาท เหตนักลงทุนสถาบันมั่นใจศักยภาพการเติบโตระยะยาว หลังทำรายได้และกำไรนิวไฮติดต่อกัน 5 ปีซ้อน ปักธงเติบโตปีนี้ไม่น้อยกว่า 50%

บริษัทบลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK บริษัทที่ปรึกษา ชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร  ระบุว่า 3 กองทุนต่างชาติเจรจาขอซื้อหุ้น Big Lot จำนวน 4.8 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 60 บาท  ตั้งแต่ต้นปี จาก 3 ผู้บริหาร “พชร อารยะการกุล” “ปกรณ์ เจียมสกุลทิพย์” และ “พิพัฒน์ ประภาพรรณพงศ์” เพราะมั่นใจหลังเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯที่ทำรายได้และกำไรนิวไฮติดต่อกัน 5 ปีซ้อน (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560- พ.ศ. 2564) และพร้อมเดินหน้าสร้างผลงานออลไทม์ไฮต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งคาดว่ารายได้จะเติบโตอย่างโดดเด่นไม่น้อยกว่า 50% โดยมียอด Backlog กว่า 385 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี พ.ศ. 2570

 

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2565 ได้ทำรายการขายหุ้นผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์บนกระดานใหญ่ (Big Lot) ให้กับกองทุนต่างชาติ ทั้งหมด 3 ราย จำนวน 4.8 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 60 บาท หรือคิดเป็น 4.8% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

“กองทุนต่างประเทศทั้ง 3 ราย ได้ให้ความสนใจในธุรกิจของ BBIK หลังจากเห็นการเติบโตเชิงรายได้และกำไรที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งแผนการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศของเราสอดรับกับกระแสดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ยังคงแรงต่อเนื่องทั่วโลก โดยบริษัทฯได้ทุ่มงบลงทุนอีกกว่า 100 ล้านบาทสำหรับการมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ สำหรับปีนี้

 

โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับโออาร์ จัดตั้ง ออร์บิท ดิจิทัล รวมทั้งการเข้าลงทุนในบริษัท จีเอ็มวีพาย และกำลังจะปิดดีลอีก 1 แห่งเร็วๆ นี้ เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและตอกย้ำความเป็นบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน

 

นอกจากนั้นยังมีแผนการขยายบริการไปยังต่างประเทศผ่านบริษัทในเครือ บลูบิค โกลบอล รวมทั้งข่าวดีเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่คาดว่าจะได้รับอนุมัติจาก BOI ในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้บริษัทฯได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลถึง 8 ปี ดังนั้นการเติบโตของบลูบิคนับแต่นี้ จะเป็นไปอย่างโดดเด่นและมีเสถียรภาพ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาวได้อย่างแน่นอน” นายพชร กล่าว

สำหรับผลประกอบการประจำปี 2564 บริษัทฯ ทำรายได้และกำไรเติบโตมากกว่า 50% โดยมีรายได้รวม 303.69 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 66.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 200.53 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 44.29 ล้านบาท พร้อมอนุมัติจ่ายปันผลหุ้นละ 0.375 บาท อีกด้วย