ทางออกแก้"หนี้นอกระบบ" เปิด 3 วิธีปลดหนี้เริ่มจากตัวเอง

31 มี.ค. 2565 | 22:55 น.
อัปเดตล่าสุด :31 มี.ค. 2565 | 23:53 น.

สภาวะเศรษฐกิจและผลกระทบต่อรายได้ ทำให้หลายคนต้องหันไปพึ่งบริการ"เงินด่วน" เงินกู้นอกระบบที่คิดอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง เมื่อเผลอไปกู้แล้ว จะหาทางออกอย่างไร "ฐานเศรษฐกิจ" รวบรวม 3 วิธีปลดหนี้นอกระบบที่นี่

ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อการจ้างงานและรายได้ ทำให้หลายคนหันไปใช้บริการ"เงินด่วน"โดยกู้เงินนอกระบบ รวมถึงบางรายที่“เข้าใจผิด”กับคำว่า ดอกเบี้ย 3%, 5% บ้าง โดยหารู้ไม่ว่า คืออัตราดอกเบี้ยต่อวัน ทำให้ต้องแบกภาระหนี้สินจากดอกเบี้ยเงินกู้ที่พอกพูนและอาจต้องทนกับสภาวะถูกทวงถาม หรือภัยคุกคามจากเจ้าหนี้นอกระบบ เพราะหาเงินมาใช้หนี้ไม่ทัน 

 

มาทำความเข้าใจเรื่องเงินกู้ในระบบ และนอกระบบ ทำไมถึงคิดอัตราดอกเบี้ยต่างกันมาก

 

เงินกู้ในระบบ

 

เงินกู้ในระบบเป็นการกู้ยืมเงินผ่านสถาบันการเงิน ซึ่งอาจเป็นธนาคารหรือบริษัทสินเชื่ออื่น ๆ ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย มีขั้นตอนการสมัคร การอนุมัติ การคิดดอกเบี้ยต่าง ๆ ที่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ฉะนั้นเวลาสมัครจึงต้องมีการยื่นเอกสารและหลักฐานประกอบ และระยะเวลาการอนุมัติขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงิน

 

เงินกู้นอกระบบ

 

เงินกู้นอกระบบ เป็นการกู้ยืมเงินที่ไม่มีกฏหมายรองรับหรือไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย คือกู้กับใครก็ได้ที่มาปล่อยกู้ให้ แต่ไม่มีใครรับประกันว่าอัตราดอกเบี้ย หรือแม้แต่วิธีผ่อนจะเป็นไปตามกฎหมาย รวมถึงแหล่งที่มาของเงินที่ให้กู้นั้นถูกกฎหมายหรือเปล่า
 

การคิดดอกเบี้ย

 

  • เงินกู้ในระบบ

 

โดยทั่วไปจะมีวิธีคิดดอกเบี้ย 2 แบบ คือ ดอกเบี้ยแบบคงที่ และดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

 

  • อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) เป็นวิธีคิดดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่เท่า ๆ กันไปจนกว่าจะผ่อนหนี้ก้อนนั้นหมด ปกติการคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ จะใช้กับสินเชื่อประเภทเช่าซื้อ เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์

 

  • อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) เวลาผู้กู้จ่ายค่างวดไปแล้ว ทางสถาบันการเงินผู้ให้กู้ จะนำยอดนั้นไปหักจากเงินต้นอีกที  และเมื่อชำระเงินกู้งวดต่อไปก็จะคำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้นยอดใหม่ที่ลดลงแล้ว  ซึ่งประเภทสินเชื่อที่ใช้คำนวณ"ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก" จะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสามารถโปะปิดหนี้ก่อนกำหนดได้หากต้องการ

 

  • เงินกู้นอกระบบ

 

ส่วนการกู้แบบนอกระบบนั้น อาจเรียกเก็บดอกเบี้ยแบบรายวัน รายเดือน หรือรายปีก็ได้ ขึ้นอยู่กับการตกลงกับผู้ให้กู้ 

 

ตัวอย่างเช่น นาย A เป็นหนี้นอกระบบ 20,000 บาท ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้แก่นายทุนในอัตรา 20% ต่อเดือน และต้องผ่อนชำระภายใน1 ปี

 

-  ดอกเบี้ยที่นาย A ต้องจ่ายใน 1 ปี จะเท่ากับ

 

เงินต้น x อัตราดอกเบี้ยต่อปี % x ระยะเวลาผ่อน (ปี)

หรือเท่ากับ 20,000 x (20% x 12) x 1

 

คำนวณแล้วดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้กับหนี้นอกระบบต่อเดือนอยู่ที่ 4,000 บาท หรือต่อปีที่ 48,000 บาท และเมื่อบวกกับเงินต้นที่กู้ยืม 20,000 บาท รวมแล้ว  68,000 บาท เท่ากับต้องผ่อนชำระต่อเดือนที่ 5,667 บาท

แต่หากเป็นการกู้เงินในระบบ กรณีสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน จะคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 25% ต่อปี ส่วนสินเชื่อที่มีหลักประกันจะไม่เกิน 24% ต่อปี หรือกรณีที่แพงสุด กฎหมายกำหนดที่ 28% ต่อปี เมื่อมาคำนวณก็ยังจ่ายน้อยกว่าดอกเบี้ยนอกระบบหลายเท่าตัวมาก

 

โดยภาระดอกเบี้ยจะเหลือแค่ 20,000 x 28% x 1 หรือปีละ 5,600 บาท เฉลี่ยต่อเดือน 467 บาท เมื่อบวกกับเงินต้น 20,000 บาท มีภาระหนี้ที่ต้องจ่ายใน 1 ปี  รวมทั้งสิ้น 25,600 บาท  ผ่อนเพียงเดือนละ 2,133 บาท   

 

3 วิธี"ปลดหนี้" เมื่อเป็นหนี้นอกระบบ

 

 

"ฐานเศรษฐกิจ" ชวนมาหาทางออกกับแนวทางเพื่อ"ปลดหนี้"นอกระบบดังนี้

 

1.หาเงินมาปิดหนี้

 

เบื้องต้นอาจเริ่มต้นจากการลดรายจ่ายและหารายได้เพิ่ม ดูก่อนว่าจะช่วยให้มีเงินก้อนเพียงพอปิดหนี้ได้หรือไม่

 

2.ใช้แหล่งเงินกู้ในระบบแทน

 

  • ปรึกษาสถาบันการเงิน ธนาคาร หรือบริษัทสินเชื่อ เพื่อขอกู้เงินก้อนมาปิดหนี้นอกระบบให้จบ แล้วย้ายมาผ่อนในระบบตามอัตราที่กฎหมายกำหนดแทน  ซึ่งปัจจุบันมีสินเชื่อหลายประเภทในระบบที่อนุมัติไว ให้วงเงินพอใช้และทันช่วงเวลาสำคัญ เช่น สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อรถจักรยานยนต์ สินเชื่อบุคคล ที่จัดเงินไว สามารถรับเงินภายในวันเดียวกัน แถมไม่ต้องมีคนค้ำและไม่ต้องใช้สลิปเงินเดือน 

 

  • เข้าโครงการแก้หนี้นอกระบบจากธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน หรือ ธ.ก.ส. ซึ่งจะมีประกาศรายละเอียดออกมาเป็นระยะ ๆ

 

3.หาคนกลางมาช่วยไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ 

 

ติดต่อสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) สำนักงานอัยการสูงสุด สายด่วน 1157 โดยคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบประจำจังหวัดจะช่วยเป็นตัวกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้นอกระบบให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย (ที่มา : https://bit.ly/3aojiur)

 

ทั้งนี้ลูกหนี้ที่มีความสามารถในการชำระหนี้น้อย จะมีคณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการหารายได้ของลูกหนี้นอกระบบในทุกจังหวัดช่วยฝึกอบรมอาชีพ ฝีมือแรงงาน และให้ความรู้ทางการเงิน

     

นอกจากนี้ ลูกหนี้นอกระบบสามารถขอคำปรึกษาและร้องเรียนปัญหาหนี้นอกระบบได้ที่หน่วยงานราชการดังต่อไปนี้ 

 

  • ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย โทร. 1567
  • ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง โทร. 1359
  • ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม โทร. 02-575-3344

 

 

 

อ้างอิงข้อมูล