ธ.ก.ส.จ่อปล่อยสินเชื่อดิจิทัลหมื่นล้าน หวังแก้หนี้นอกระบบ

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.เตรียมออกผลิตภัณฑ์ สินเชื่อ Digital Personal Loan ซึ่งเป็นการให้กู้แบบไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือ Clean Loan เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบายของรัฐบาล คาดว่า จะสามารถให้บริการได้ภายใน เดือนเมษายนนี้ โดยตั้งเป้าหมายในปีนี้ปล่อยสินเชื่อที่ 1 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้เป้าหมายของสินเชื่อจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มลูกค้าเกษตรกรที่มีศักยภาพใช้ดิจิทัล กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่ม อสม. และ กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มพันธมิตรของ ธ.ก.ส. เช่น พนักงานโลตัส เป็นต้น โดยทั้ง 3 กลุ่มจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ตำกว่ากว่าสินเชื่อส่วนบุคคลในตลาด ซึ่งแต่ละกลุ่มจะได้รับอัตราดอกเบี้ยไม่เท่ากัน

อย่างกรณีที่ให้กู้กับ อสม. รายละไม่เกิน 2 หมื่นบาท ผ่อนชำระไม่เกิน 36 เดือน อัตราดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับอายุการทำงานในหน้าที่ อสม. เช่น หากมีอายุงานน้อยกว่า 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคิด 9% ต่อปี ถ้าอายุงานมากกว่า 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 8.25 % โดยจะให้วงเงินกู้ของอสม.รวมทั้งสิ้น  4 พันล้านบาท

ส่วนกรณีลูกค้าเกษตรกรที่กู้ Digital Personal Loan จะให้กู้รายละไม่เกิน 2 หมื่นบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 12% โดยมีวงเงินรวมที่ 5 พันล้านบาท และสินเชื่อที่ให้กับพนักงานของบริษัทที่เป็นพันธมิตร จะให้รายละไม่เกิน 2 หมื่นบาท ผ่อนชำระไม่เกิน 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 12% ต่อปี วงเงินสินเชื่อ 1 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ที่เป็น digital lending ที่ ธกส.ได้ปล่อยออกมาก่อนหน้าในเดือนมีนาคมคือ การให้กู้โดยมีสลากออมทรัพย์ของ ธกส.ค้ำประกัน โดยขอยื่นกู้ผ่านระบบ digital lending ของธนาคาร วงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 90% ของมูลค่าของสลากที่ใช้เป็นตัวค้ำประกัน โดยสลากมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 1 หมื่นบาท ทั้งนี้ ธกส.ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ในปีนี้ไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ธ.ก.ส. ได้เริ่มให้สินเชื่อฉุกเฉินวงเงิน 1 หมื่นบาทกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดงาน เนื่องจากมีการล็อกดาวน์ประเทศ โดยเป็นการให้สินเชื่อผ่าน Application A Mobile ของธกส.

“ปี 2565 นี้ ธ.ก.ส. ได้พัฒนาระบบ digital lending ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ตั้งแต่การทำ e-kyc, การกู้ และการตรวจสอบสถานะของบัญชี และการชำระหนี้ ผ่าน Application ของธนาคารเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยปัจจุบัน Application A Mobile มีลูกค้าที่ลงทะเบียนสะสมมากกว่า 3 ล้านราย มีลูกบัญชีที่ Active ราว 2.3 ล้านราย ซึ่งปริมาณธุรกรรม A mobile สูงมากยิ่งขึ้น จะตอบโจทย์ให้ลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบาย” นายธนารัตน์ กล่าว

ขณะที่ลูกค้าอีกกลุ่มที่ต้องการทำธุรกรรมแบบเห็นหน้า ในปีที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ได้ร่วมกับพันธมิตรเช่น ไปรษณีย์ไทย เคาเตอร์เซอร์วิส เซเว่น บิ๊กซี ตู้บุญเติม และ ตู้เติมสบาย เพื่อสร้างเครือข่าย Banking agent ซึ่งพบว่า มีมูลค่าการทำรายการเงินฝากเข้าบัญชีมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยมีจุดให้บริการรวมกันมากกว่า 1 แสนจุด

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,774 วันที่ 14 - 16 เมษายน พ.ศ. 2565