ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือนเมษายน 2565 ปรับลดลงเมื่อเทียบกับเดือน มีนาคม 2565 จากระดับ 76.20 จุด มาอยู่ที่ระดับ 64.97 จุด ลดลง 11.23 จุด หรือคิดเป็น 14.73% โดยปัจจัยหลักน่าจะมีสาเหตุมาจาก สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เริ่มคลี่คลาย
ขณะที่รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีแนวโน้มดีขึ้น ความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณการฟื้นตัว และ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำระยะ 3 เดือนในไตรมาส 2 ของปี 2565 (เม.ย.–มิ.ย.) ปรับลดลงจาก ไตรมาสแรกของปี 2565 จากระดับ 70.24 จุด มาอยู่ที่ระดับ 60.56 จุด ลดลง 9.68 จุด หรือคิดเป็น 13.78% ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจาก สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เริ่มคลี่คลาย
ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปริมาณความต้องการทองคำที่ลดลง การแข็งค่าของเงินบาท และ การลดนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)
ส่วนคาดการณ์ความต้องการซื้อทองคำในช่วงเดือน เมษายน 2565 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 294 ตัวอย่าง พบว่า 50% จะซื้อทองคำในเดือนนี้ ขณะที่ 29% ยังไม่ซื้อทองคำ และอีก 21% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำ หรือไม่
ขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ 13 ตัวอย่าง ส่วนใหญ่เชื่อว่า ราคาทองคำในเดือน เมษายน 2565 จะใกล้เคียงกับราคาทองคำในเดือน มีนาคม 2565 มีจำนวน 6 ราย และคาดว่า จะลดลง มีจำนวน 4 ราย ส่วนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น มีจำนวน 3 ราย
สำหรับการคาดการณ์ราคาทองคำในเดือน เมษายน 2565 ของผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่มีมุมมอง ดังนี้ Gold Spot ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 1,870 – 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 29,700 – 31,500 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาททองคำ และด้านค่าเงินบาท ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 32.98 – 33.92 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ
การลงทุนทองคำในเดือน เมษายน 2565 ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ให้ความเห็นว่า ราคาทองมีการแกว่งตัวผันผวน และการเหวี่ยงตัวของราคายังคงอยู่ในระดับสูง โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1,966 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อทรอยออนซ์ และหากสามารถผ่านแนวต้านแรกไปได้ อาจมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,998 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อทรอยออนซ์ แต่หากไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านดังกล่าวได้ ยังคงต้องระมัดระวังแรงขายที่ออกมา
ประเมินแนวรับแรกที่บริเวณ 1,890 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อทรอยออนซ์ และแนวรับถัดไปที่บริเวณ 1,863 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ อาจเข้าซื้อเมื่อราคาทองย่อตัวลงมาใกล้แนวรับดังกล่าว ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์การเจรจาระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ว่าจะสำเร็จผลหรือไม่ และค่าเงินบาทที่แกว่งตัวในกรอบกว้างซึ่งมีผลต่อราคาทองคำในประเทศ