“แรมโบ้” ลุยงานสุดท้าย แก้หวยแพง สั่งรื้อสัญญา เพิ่มโทษแพ่ง อาญา

18 เม.ย. 2565 | 09:42 น.
อัปเดตล่าสุด :18 เม.ย. 2565 | 16:51 น.

“แรมโบ้” ลุยแก้หวยแพง เพิ่มโทษเอาผิดขาย “ลอตเตอรี่” เกินราคา ทั้งแพ่งและอาญา พร้อมสั่งรื้อสัญญา เพิ่มวางมัดจำ-เบี้ยปรับ และแก้กฎหมายสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กฎหมายฟอกเงิน เพื่อแก้ปัญหาหวยแพงระยะยาว ก่อนประกาศลาออก เซ่นคลิปโควต้าหวย

นายเสกสกล อัตถาวงศ์  ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล และประธานคณะทำงานเฉพาะกิจฯ  เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล

 

ได้ให้ความเห็นชอบมาตรการสำคัญทางกฎหมายที่ควรนำมาแก้ไขการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา เพื่อนำมาใช้ในการป้องปรามการกระทำความผิด รวมทั้งควบคุมและกำกับมิให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ประกอบด้วย  

“แรมโบ้”  ลุยงานสุดท้าย แก้หวยแพง สั่งรื้อสัญญา เพิ่มโทษแพ่ง อาญา

 

- มาตรการทางแพ่ง ควรมีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาระหว่างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและคู่สัญญาโดยกำหนดมาตรการทางแพ่งเพิ่มเติม ได้แก่ หน้าที่และความรับผิดชอบ การวางเงินมัดจำในการทำสัญญา การกำหนดให้มีเบี้ยปรับ เป็นต้น

 

- มาตรการทางอาญา ควรมีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2562 โดยการกำหนดมาตรการทางอาญาเพิ่มเติมจากที่มีอยู่เดิม

 

- มาตรการทางกฎหมายอื่น ๆ ควรมีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยกำหนดมาตรการทางกฎหมายซึ่งมิใช่มาตรการทางอาญาหรือมาตรการทางแพ่งเพิ่มเติม เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น

ด้านพันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยความคืบหน้า โครงการสลาก 80 ระยะที่ 2 (ระยะแรก 77 จุด) มีตัวแทนจำหน่ายสมัครเข้ามาทั้งหมด 4,790  ราย จาก 77 จังหวัด 691 อำเภอ และมีอำเภอที่ไม่มีผู้สมัคร 237 อำเภอ

 

ขณะนี้ ได้ดำเนินการคัดเลือกไปแล้ว ได้ตัวแทนจำหน่ายพร้อมเข้าร่วมโครงการ ในกรุงเทพ ปริมณฑล และภาคกลาง ผ่านคุณสมบัติและหลักเกณฑ์เบื้องต้นเข้ามาจำนวน 1,046 ราย ได้ตัวแทนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 132 ราย ขณะนี้ เริ่มจำหน่ายสลากงวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 แล้ว

 

สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านคุณสมบัติและหลักเกณฑ์เบื้องต้นเข้ามาจำนวน  755 ราย คัดเลือกได้จำนวน 151 ราย  คาดว่าจะสามารถทำสัญญาประมาณปลายเดือนเมษายน 2565 และจะเริ่มขายสลากงวดวันที่ 1 มิถุนายน 2565 

 

สำหรับ ภาคตะวันออก ผ่านคุณสมบัติและหลักเกณฑ์เบื้องต้นเข้ามาจำนวน 333 ราย จาก 53 อำเภอ จะไปดำเนินการชี้แจงหลักเกณฑ์ และทำการคัดเลือก ในวันที่ 23 – 24 เมษายน 2565 

 

ส่วนภาคเหนือมีผู้ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น  996 ราย จาก 148 อำเภอ และภาคใต้ ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น  450 ราย จาก 84 อำเภอ จะเริ่มขายสลากงวดวันที่ 1 กรกฎาคม 2565

 

สำหรับโครงการลงทะเบียนผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ นั้น  จากมาตรการที่กำหนดให้ผู้มีสิทธิทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้า ฯ ปี 2558 ที่ลงทะเบียนยืนยันตัวตน ต้องดำเนินการ Scan QR Code และยืนยันผ่านเป๋าตังนั้น  ตั้งแต่งวด 16 มีนาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน ผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าปี 2558 ที่ยืนยันตัวตนเข้ามา 129,290 ราย มีจำนวน 65,365 ราย ที่โหลด QR code เพื่อให้ผู้ซื้อ Scan ผ่านแอปพลิเคชั่น Line ของสำนักงานฯ 

 

ล่าสุด มีผู้ซื้อให้ความร่วมมือในการ Scan แล้ว 3,132,566 ครั้ง (จากผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ 53,943 ราย) และจากการลงพื้นที่สำรวจผู้จำหน่ายสลากฯ ของชุดเฉพาะกิจ ตั้งแต่งวด 16 มีนาคม 2565 เป็นต้นมา  จำนวนผู้จำหน่ายสลากที่ตรวจสอบเกือบ 8,000 ราย แบ่งเป็น ตัวแทนจำหน่าย,  ผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ และผู้ค้านอกระบบ ซึ่งสำนักงานฯ ต้องนำรายชื่อทั้งหมดมาตรวจสอบกับระบบฐานข้อมูลของสำนักงานสลากอีกครั้งหนึ่งว่าถูกต้องตรงกันหรือไม่  

  

ในส่วนของโครงการจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือสลากดิจิทัล (Digital Lottery) นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดรูปแบบเพื่อทดสอบระบบ และนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อให้ความเห็นชอบก่อนเริ่มดำเนินการในงวดวันที่ 16 มิถุนายน 2565 ต่อไป 

 

สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาวเกี่ยวกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น ยังต้องลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับรูปแบบ ซึ่งคาดว่าจะลงพื้นที่จัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นประชาชนได้ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

 

ซึ่งภายหลังการแถลงแนวทางการแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงลาออกจากทุกตำแหน่งในทำเนียบรัฐบาล ว่า ตนได้ยื่นหนังสือลาออกเรียบร้อยมีผลตั้งแต่ 19 เมษายน เป็นต้นไป 

 

เพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณีคลิปเสียงของตนกับ น.ส.จุรีพร สินธุไพร ข้าราชการการเมืองประจำสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กรณีที่เกี่ยวโยงกับการจัดสรรโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วยเงิน 15 ล้านบาท