ดาวโจนส์ปิดร่วง 981 จุด วิตกเฟดเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย

22 เม.ย. 2565 | 23:41 น.
อัปเดตล่าสุด :23 เม.ย. 2565 | 06:48 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 981 จุด ในวันศุกร์ (22 เม.ย.) ถูกกดดันจากการที่บริษัทจดทะเบียนในสหรัฐคาดการณ์ผลประกอบการที่อ่อนแอกว่าคาด และนักลงทุนวิตกว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,811.40 จุด ร่วงลง 981.36 จุด หรือ -2.82%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,271.78 จุด ร่วงลง 121.88 จุด หรือ -2.77% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,839.29 จุด ร่วงลง 335.36 จุด หรือ -2.55%
          

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 1.9% ดัชนี S&P500 ลดลง 2.8% และดัชนี Nasdaq ลดลง 3.8% นับเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังร่วงลงในวันศุกร์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2563

นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (21 เม.ย.) ว่า เขาสนับสนุนให้เฟดดำเนินการเร็วขึ้นเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ และระบุว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค.
          

ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือนพ.ค.และมิ.ย. หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543

ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท พุ่งขึ้นในวันศุกร์ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมี.ค.
          

นอกจากนี้ การคาดการณ์ผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทในกลุ่มเฮลท์แคร์กดดันตลาดลงด้วย 
          

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวลง โดยกลุ่มวัสดุ ร่วง 3.7% และกลุ่มเฮลท์แคร์ ร่วง 3.6%
         

ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในวันศุกร์ด้วย โดยเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.1 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 57.7 ในเดือนมี.ค.
      

ในสัปดาห์หน้า ตลาดจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ที่สุด 4 แห่งของสหรัฐ ได้แก่ แอปเปิล, ไมโครซอฟท์, แอมะซอน และอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล