ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,245.70 จุด ร่วงลง 653.67 จุด หรือ -1.99%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,991.24 จุด ลดลง 132.10 จุด หรือ -3.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,623.25 จุด ลดลง 521.41 จุด หรือ -4.29%
คริสตินา ฮูเปอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทอินเวสโคในรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจอาจเผชิญภาวะถดถอย หากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังเผชิญกับหลากหลายปัจจัยลบ ซึ่งรวมถึงอัตราเงินเฟ้อสูง, ผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน และปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 19% เมื่อเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว หลังจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เมืองสำคัญเพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19 โดยล่าสุดทางการจีนเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 3.9% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 และชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนมี.ค.ที่มีการขยายตัว 14.7%
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 8.3% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทรุดตัวลงกว่า 6% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 9.74% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 7.92% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 6.76% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทรุดลง 10.73%
ดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง 4.62% โดยหุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ ร่วงลง 2.88% หุ้นอเมริกัน เรียลตี้ อินเวสเตอร์ส ทรุดตัวลง 18.51% หุ้นอาร์มาดา ฮอฟเฟอร์ พร็อพเพอร์ตีส์ ร่วงลง 4.72%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ดิ่งลงอย่างหนักหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561 โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 3.32% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 2.8% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ดิ่งลง 3.71% หุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 3.69% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 4.35%
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันพุธนี้ ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมเดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งรวมถึง ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนเม.ย.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน