นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด หรือ บลจ.วี เปิดเผยว่า แม้เศรษฐกิจโลกกำลังถูกกดดันจากหลายปัจจัยทั้งเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) พร้อมกับการใช้มาตรการ Quantitative Tightening (QT) และสงครามระหว่างรัสเซีย - ยูเครนที่ยืดเยื้อ รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงจากมาตรการล็อคดาวน์เพื่อควบคุมโควิด-19 ทำให้สินทรัพย์แทบทุกประเภทปรับตัวลง โดยเฉพาะตลาดหุ้นในเอเชียรวมทั้งไทยจากกระแสเงินลงทุน (Fund flow) ที่ไหลออก
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียรวมทั้งไทยพบว่า ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีสนับสนุนการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้เศรษฐกิจไทยยังสามารถขยายตัวสวนทางกับเศรษฐกิจโลก ที่ขยายตัวลดลง เนื่องจากเงินเฟ้อภายในประเทศที่ต่ำ อีกทั้งการระบาดของโควิด-19 ที่ดีขึ้น ทำให้สามารถเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้ ซึ่งเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจรวมทั้งตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้ คาดว่าตลาดหุ้นครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวได้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ (Inflation) สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ลดลงในหลายประเทศส่งผลให้ภาวะตึงตัวของอุปทาน (Supply chain problem) มีแนวโน้มคลี่คลายที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ประเด็นที่น่าสนใจคือ ดัชนีหุ้น S&P500 ของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงในช่วง 82 วันทำการแรกของปีนี้ เมื่อดูสถิติข้อมูลในอดีต พบว่าหลังจากตลาดหุ้นปรับลดลงแรงช่วง 82 วันทำการแรกของปี ในช่วงที่เหลือของปีตลาดหุ้นมักให้ผลตอบแทนเป็นบวก เนื่องจากตลาดปรับตัวสะท้อนข่าวร้ายไปมากแล้ว (Priced-in negative factors) (ที่มา: Source: Charlie Bilello | April, 2022)
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจความเห็นนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯล่าสุด พบว่าส่วนใหญ่แทบทั้งหมดมีความกังวลว่าตลาดจะเข้าสู่ภาวะหมี (Extremely bearish sentiment) มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1990 ซึ่งจากสถิติจะพบว่า เมื่อนักลงทุนอยู่ในภาวะ Extremely bearish ตลาดจะเกิดการฟื้นตัวได้ในช่วง 3 – 6 เดือนหลังจากนั้น
ดังนั้นด้วยอัตราเงินเฟ้อที่จะเริ่มขยายตัวในอัตราที่ลดลง หลังการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่ตลาดปรับตัวรับรู้ไปแล้ว อีกทั้งการลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening: QT) ดูผ่อนคลายมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้คาดว่าปริมาณเงินในระบบจะคงอยู่ในระดับสูงต่อไป ซึ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเติบโตแบบสมดุล (Normalized) มากขึ้นและยังไม่เห็นสัญญาณการถดถอย (Recession) ของเศรษฐกิจ (ที่มา: Source: BCA Research | Global Investment Strategy | April 22, 2022)
ด้วยภาพเชิงบวกดังกล่าว บลจ.วี มองว่า ดัชนี SET Index ที่ปรับลดลงตามการปรับฐานของตลาดหุ้นต่างประเทศในเวลานี้ เป็นจังหวะดีในการเข้าลงทุนในหุ้นไทย จึงเปิดเสนอขาย IPO กองทุนเปิด วี ไทย ทริกเกอร์ 6M (WE-THAITRIG6M) ในระหว่างวันที่ 17-20 พ.ค. 2565 กองทุนมีระดับความเสี่ยงระดับ 6 (ความเสี่ยงสูง) ลงทุนแบบมีเป้าหมายเลิกโครงการ 6% ในเวลา 6 เดือน หรือเมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 10.63 บาทต่อหน่วย และต้องไม่ต่ำกว่า 10.60 บาทต่อหน่วย และมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกคือ 5,000 บาท
กองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก (Mid-Small Caps) ที่มีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว (Positive catalysts) ในการเติบโตของกำไรในอนาคต (Growth) จากข้อมูลย้อนหลัง 6 เดือน พบว่าหุ้นขนาดกลาง-ขนาดเล็ก อ้างอิงด้วยดัชนี sSET Index ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวม (SET Index) อย่างมีนัยสำคัญ (sSET 10.17% Vs SET 1.8%) (ที่มา: Source: Bloomberg | May 5, 2022)
นอกจากนี้ กองทุนยังคัดเลือกหุ้นด้วยการวิเคราะห์เชิงลึก ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ รวมถึงการเข้าเยี่ยมชมกิจการ (Company visit) และการสัมภาษณ์ผู้บริหารบริษัท เพื่อคัดเลือกหุ้นที่ดีที่สุด รวมทั้งการจับจังหวะเพื่อเข้าซื้อและขายหุ้นที่ทีมจัดการลงทุนก็เน้นให้ความสำคัญเช่นกัน
ขณะเดียวกันมุมมองของนักวิเคราะห์ (Bloomberg consensus) คาดการณ์ว่าเป้าหมายดัชนี SET Index อีก 12 เดือนข้างหน้า จะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1,917.94 จุด ระดับราคาต่อกำไรสุทธิ (PE) ที่ระดับ 18.81 เท่า จากระดับปัจจุบันที่ 1,629.58 จุด หรือคิดเป็น Upside 17.7% ในอีก 12 เดือนข้างหน้า หรือราว 9% ในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยนักวิเคราะห์แนะนำซื้อ (Buy) หุ้นทั้งหมด 205 ตัว จากหุ้นที่มีการออกบทวิเคราะห์ทั้งสิ้น 310 ตัว คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 66% หรือราว 2 ใน 3 ของหุ้นทั้งหมด (ที่มา: Source: Bloomberg | May 7, 2022)
“ด้วยภาพรวมของเศรษฐกิจแม้จะมีความผันผวนจากหลายปัจจัยกระทบต่อตลาดหุ้น แต่ตลาดหุ้นไทยมีความน่าลงทุนและมีความผันผวนน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก อีกทั้งกำไรสุทธิของหุ้นไทยมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในปีนี้และอีก 2 ปีข้างหน้า บลจ.วี จึงแนะนำว่า SET Index ที่ปรับลดลงตามการปรับฐานของตลาดหุ้นต่างประเทศ เป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนในหุ้นไทยเพื่อโอกาสการลงทุนในระยะสั้น ผ่านกองทุนเปิด วี ไทย ทริกเกอร์ 6M (WE-THAITRIG6M)" นายอิศรากล่าว