รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ระบุว่า ก.ล.ต. มีแนวคิดปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทหลักทรัพย์(บล.)และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อให้มีความยืดหยุ่น สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และให้การกำกับดูแลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ประกาศที่ปรับปรุงให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกันยิ่งขึ้น
รวมทั้งป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งบริษัทหลักทรัพย์ ลูกค้า และความเชื่อมั่นของตลาดทุนโดยรวม และปรับลดจำนวนประกาศเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบธุรกิจตามโครงการ Regulatory Guillotine
โดยกำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สามารถประกอบธุรกิจอื่นได้เฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์หรือธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่บริษัทได้รับใบอนุญาต และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ดังนี้
ทั้งนี้ หลักการในการปรับปรุงเกณฑ์ดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ในการประชุมครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565 เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันที่บริษัทหลักทรัพย์ ต้องปรับตัวเพื่อสนองตอบต่อการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และพฤติกรรมของผู้ลงทุน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ โดยแนวทางประการหนึ่งคือ การขยายการประกอบธุรกิจอื่น
นอกเหนือจากธุรกิจหลักทรัพย์หรือธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งอาจมีมูลค่าที่สูง หรือมีความเสี่ยงสูง หรืออาจเป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ที่อาจมีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อฐานะการเงิน ระบบการให้บริการในธุรกิจหลักทรัพย์หรือธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงประโยชน์ของผู้ลงทุนและความเชื่อมั่นในตลาดทุน
ทั้งนี้ การประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามเกณฑ์ปัจจุบันสามารถดำเนินการได้เลยหากเข้าเงื่อนไข ขณะที่การประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อการให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (TSFC) ต้องได้รับอนุญาตก่อน จึงเริ่มประกอบธุรกิจได้