FETCO เลือก"กอบศักดิ์ ภูตระกูล"นั่งประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย

01 มิ.ย. 2565 | 07:43 น.
อัปเดตล่าสุด :01 มิ.ย. 2565 | 14:54 น.

ที่ประชุมคณะกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) มีมติเลือก ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แทนนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567


ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และอุปนายก สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทั้งเศรษฐศาสตร์ การเงิน และตลาดทุน เคยดำรงตำแหน่งทั้งในภาครัฐและเอกชน อาทิ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ตลอดจนมีบทบาทสำคัญในการทำงานด้านนโยบายการเงิน นโยบายเศรษฐกิจมหภาค นโยบายสถาบันการเงิน และแผนพัฒนาตลาดทุน ในช่วงที่ร่วมงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 

 

นอกจากนี้เป็นยังนักเศรษฐศาสตร์ที่มีผลงานวิชาการคุณภาพที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง เคยได้รับรางวัล ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่ที่มีผลงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2552

 

ดร. กอบศักดิ์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคและเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ จาก Massachusetts Institute of Technology ประเทศสหรัฐอเมริกา และปริญญาตรีทางด้านคณิตศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ จาก Williams College ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้ทุนการศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทย

ขณะที่วานนี้ นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่าวันนี้ (31 พ.ค.2565) เป็นวันสุดท้ายในการทำหน้าที่ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) สมัยที่ 4 (2020-2022) ของผม

 

ผมดีใจและภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนพัฒนาการของตลาดทุนไทยในช่วงกว่าสิบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วง 4 ปีหลังนี้ คือยุคที่ตลาดทุนไทยมีพัฒนาการที่โดดเด่นมากๆ เมื่อเทียบกับตลาดทุนอื่นในภูมิภาคอาเซียน

 

เมื่อปี 2010 ที่ผมเข้ารับตำแหน่งประธานสภาตลาดทุนฯ​ เป็นสมัยแรก (2010-2012) ตลาดทุนไทยยังมีบทบาทต่อระบบเศรษฐกิจไม่สูงมากนัก แต่มาวันนี้ตลาดทุนไทยมีขนาดใหญ่กว่าขนาดของเศรษฐกิจไทยถึงกว่าเท่าตัว เป็นแหล่งระดมทุนที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของประเทศ และมีมูลค่าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สูงเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียนหลายปีติดต่อกัน

 

โจทย์ใหญ่แผนพัฒนาตลาดทุนไทย

 

แน่นอนพัฒนาการของตลาดทุนไทยยังไม่หยุดลงเพียงเท่านี้ ภารกิจต่อไปจากนี้ คือ ทำอย่างไรให้ธุรกิจขนาดกลางถึงเล็ก (SME) และธุรกิจ Startups สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในตลาดทุนได้ ทำอย่างไรให้ตลาดทุนสามารถตอบโจทย์ทางการเงินของกิจการประเภทเทคโนโลยีและ S-curveใหม่ๆ และทำอย่างไรให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีเงินออมในตลาดทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าและลดช่องว่างของความมั่งคั่ง

 

ถึงแม้ภารกิจในฐานะประธานสภาตลาดทุนฯ​ ของผมจะจบลงแล้ว แต่ผมจะยังคอยติดตามและสนับสนุนพัฒนาการของตลาดทุนไทยต่อไป ในบทบาทอื่นๆ ของผมครับ

 

ท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณคณะกรรมการสภาฯ​ ทุกท่าน ผู้บริหารทุกๆสมาคมในตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงาน ก.ล.ต. กระทรวงการคลัง ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตลาดทุนทุกๆท่าน และบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ต้นสังกัดของผม ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนการทำงานของผมมาโดยตลอดครับ

 

เกี่ยวกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย  

 

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2547 โดยความร่วมมือระหว่างองค์กรที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนไทย มีบทบาทเป็นผู้แทนองค์กรในตลาดทุนไทย เพื่อร่วมกำหนดวิสัยทัศน์ในการพัฒนาตลาดทุนไทย รวมทั้งเป็นกลไกสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนนโยบายระหว่างรัฐและเอกชน ปัจจุบันมีสมาชิก 7 องค์กร ประกอบด้วย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย