นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า สภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นกลายเป็นความท้าทายของนักลงทุนในการจัดสรรการลงทุนอย่างเหมาะสม และถือเป็นบทบาทหน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ที่ต้องเลือกเฟ้นโอกาสการลงทุนที่ดีที่สุดให้กับนักลงทุน
KTAM ประเมินว่า ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนในปัจจุบันนั้น จีนนับเป็นหนึ่งในตลาดที่น่าลงทุนที่ไม่ควรมองข้าม จากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ทั้งการส่งออกที่ฟื้นตัว นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ระดับเงินเฟ้อต่ำ และศักยภาพของการเป็นแหล่งซัพพลายวัตถุดิบที่สำคัญของโลก
“แม้โควิดยังคงปะทุทำให้จีนยังต้องเปิด-ปิดเมือง แต่จีนก็ยังมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอีกมาก ทั้งการส่งออกที่ฟื้นตัวแรงกว่าที่คาด นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐผ่านการเงินชดเชยและสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ และด้วยอัตราเงินเฟ้อของจีนที่ต่ำสุดในโลกเพียง 2.1% ทำให้จีนสามารถขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีก”นางชวินดากล่าว
นอกจากนั้น ศักยภาพของการเป็นแหล่งซัพพลายวัตถุดิบที่สำคัญของโลก และการคลายล็อกท่าเรือ จะเพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้าจากจีนไปสู่ตลาดโลก ขณะที่ดัชนี MSCI ลงทุนหุ้นจีนเพียง 3.5% ของพอร์ตเท่านั้น ซึ่งสะท้อนถึงการที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมองข้าม ช่วงนี้จึงนับว่าเป็นโอกาสและจังหวะที่ดีในการลงทุนหุ้น ตราสารหนี้ และเงินหยวนของจีน
สำหรับการลงทุนในตลาดจีนช่วงนี้ KTAM ขอนำเสนอกองทุนเพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ 3 กองทุน ได้แก่
ทั้ง 2 กองทุนยังได้เปิดให้นักลงทุนได้ลงทุนในชนิดหน่วยลงทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ได้แก่ กองทุนรวม KT-Ashares RMF และ กองทุนรวมKT-CHINA RMF เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย