SCBAM ส่งกองทุนเปิด SCBGQUAL รับมือเศรษฐกิจผันผวน

29 มิ.ย. 2565 | 12:27 น.
อัปเดตล่าสุด :29 มิ.ย. 2565 | 19:27 น.

บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) ส่งกองทุนเปิด SCBGQUAL ลุยลงทุนหุ้นคุณภาพทั่วโลก โอกาสทำกำไรเด่น รับมือเศรษฐกิจผันผวน พร้อมเสนอขายครั้งแรก 28 มิ.ย. – 4 ก.ค.นี้

นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นโลกยังอยู่ในภาวะผันผวนสูงต่อเนื่องและมีความเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในระยะ 12 เดือนข้างหน้า ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นโลก MSCI AC World Index ตั้งแต่ต้นปีปรับลดลงแรงกว่า 13.5% ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2565

SCBAM ส่งกองทุนเปิด SCBGQUAL รับมือเศรษฐกิจผันผวน

บลจ.ไทยพาณิชย์มองว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นโลกได้สะท้อนปัจจัยเสี่ยงไปพอระดับหนึ่งแล้ว บริษัทฯ จึงเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Quality Equity (SCBGQUAL) ที่มุ่งลงทุนในหุ้นกลุ่ม Global Quality ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดหุ้นโลก ด้วยโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง จากสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ทำให้สามารถทนทานต่อสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อสูงได้ดี โดยจะเปิดเสนอขายครั้งแรกวันที่ 28 มิ.ย.– 4 ก.ค.2565 สามารถลงทุนเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท

ความน่าสนใจเพิ่มเติมของกองทุน SCBGQUAL จะมุ่งสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี MSCI World Sector Neutral Quality Index ที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของหุ้นบริษัทขนาดใหญ่และขนาดกลางใน 23 ประเทศของตลาดพัฒนาแล้ว ที่สะท้อนหุ้นที่มีคุณภาพสูง ภายใต้การคัดเลือกหุ้นด้วยระบบวิเคราะห์เชิงปริมาณและ Factor Investing โดยดูจาก 3 ปัจจัย คือ

  • ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูง (ROE)
  • หนี้บริษัทที่อยู่ในระดับต่ำ
  • มีความผันผวนของกำไรบริษัทที่ไม่สูงมาก

 

อีกทั้งกองทุนยังป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ โดยกองทุน SCBGQUAL จะลงทุนในกองทุน iShares Edge MSCI World Quality Factor UCITS ETF (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว และบริหารโดย BlackRock Asset Management Ireland Limited  

“ปัจจุบันตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมากว่า 13% จากความกังวลต่อเงินเฟ้อ ทิศทางอัตราดอกเบี้ย ภาวะสงคราม และโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย"”นางนันท์มนัสกล่าว

 

ทางบลจ. มองว่า นักลงทุนได้ซึมซับข่าวร้ายมาพอสมควรแล้ว และหากมองจากมูลค่าพื้นฐาน (P/E ratio) ที่ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้หุ้นบางกลุ่มมีมูลค่าอยู่ในระดับที่เข้าทยอยเก็บสะสมเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มคุณภาพ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความเป็นผู้นำตลาด และสามารถสร้างผลกำไรที่เติบโตได้อย่างสม่ำเสมอ