นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.65 อนุมัติให้ บริษัท อีเอ โมบิลิตี โฮลดิง จำกัด (EMH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าลงทุนใน บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD , บริษัท เอซ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (ACE) และบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB)
ทั้งนี้ EMH จะเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) ของ BYD จำนวน 990,800,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท หรือคิดเป็น 23.63% ของทุนชำระแล้วภายหลังการเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 7.062 บาท คิดเป็นมูลค่าซื้อหุ้นเพิ่มทุน 6,997,029,600 บาท
สำหรับ BYD นั้น เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกอบธุรกิจหลักเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์จากกระทรวงการคลัง, คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ขณะที่ ACE ประกอบธุรกิจหลักในการเข้าถือหุ้นในบริษัทจำกัด และ/หรือ บริษัทมหาชน จำกัด โดยมี BYD ถือหุ้น ในอัตรา 49% และ TSB ประกอบธุรกิจหลักในการให้บริการรถโดยสารไฟฟ้าประจำทางในเขตกรุงเทพและปริมณฑล โดยมี ACE เป็นผู้ถือหุ้นในอัตรา 100%
นายออมร กล่าวต่อไปอีกว่าส การเข้าลงทุนใน BYD จะทำให้บริษัทได้มาซึ่งพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะก่อให้เกิดโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทฯเนื่องจากการลงทุนในครั้งนี้ โดยจะทำให้บริษัทมีโอกาสในการสร้างยอดขายรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ส่วนแหล่งเงินทุนที่ใช้มาจากกระแสเงินสดของบริษัทและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
นอกจากนี้ คณะกรรมการยังอนุมัติให้ บริษัท อี ทรานสปอร์ต โฮลดิง จำกัด (ETH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โอนกิจการทั้งหมด ภายใต้กระบวนการโอนกิจการทั้งหมด ให้แก่ TSB เป็นผลให้บริษัทย่อยทั้ง 9 บริษัท
และบริษัทร่วม 1 บริษัท ที่อยู่ภายใต้การถือหุ้นของ ETH สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยและบริษัทร่วมของบริษัท โดยจะรับค่าตอบแทนจากการโอนกิจการทั้งหมดด้วยเงินสดจำนวน 6,000,000,000 บาท จาก TSB
การลงทุนดังกล่าว บริษัทจะได้หุ้น BYD จำนวน 990,800,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 7.062 บาท โดยคิดเป็นมูลค่ารวม 6,997,029,600 บาท ผ่านการถือครองของ EMH ที่จะได้รับเงินจากการโอนกิจการทั้งหมดของ ETH เป็นจำนวนทั้งสิ้น 6,000,000,000 บาท หากรวมการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ทั้ง 2 รายการนี้ บริษัทจะใช้เงินรวมทั้งสิ้น 997,029,600 บาท