วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง เตรียมหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อขยายเวลามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง
และมาตรการการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) ที่กำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) เป็นร้อยละ 100 (กู้ได้เต็มมูลค่าหลักประกัน) ซึ่งจะสิ้นสุดมาตรการในช่วงปลายปี 65 นี้ ออกไปอย่างน้อย 1 ปี
"มาตรการของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จะจบสิ้นปี 2565 ก็จะมีการหารือร่วมกับ ธปท. ซึ่งจะดูสถานการณ์เศรษฐกิจด้วยว่าจะฟื้นตัวมากน้อยแค่ไหน ยังต้องการความช่วยเหลือเพิ่มหรือไม่ เพื่อให้เศรฐษกิจฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เพราะภาคอสังหาฯ ก็เป็นอีกเครื่องยนต์สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เราก็หวังว่าภาคอสังหาจะกลับมาคึกคักขึ้นต่อเนื่องไปถึงปี 66" นายอาคม กล่าว
นายอาคม กล่าวถึงความกังวลต่อทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นนั้น ยังคงต้องติดตามนโยบายของธนาคารกลางของไทยอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามได้กำชับให้สถาบันการเงินของรัฐตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุด หรือกรณีจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย ก็ขอให้ปรับขึ้นแบบไม่เต็มที่ เพื่อให้กระทบกับลูกค้าน้อยที่สุด
"แบงก์รัฐจะตรึงดอกเบี้ยนานแค่ไหน จะต้องรอดูนโยบายของ กนง.อีกครั้งว่าจะมีการปรับขึ้นหรือไม่ ในช่วงใด ส่วนกรณีที่ ธอส. บอกว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ช่วงเดือน ต.ค. นี้นั้น ก็ภายใต้เงื่อนไข กนง.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายช่วง ส.ค. แต่ขณะนี้ยังมีความไม่แน่นอน ยังต้องติดตามนโยบายของ กนง.อีกครั้ง" นายอาคม กล่าว
นายอาคม ยอมรับว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีบ้านมือสองเข้ามาในระบบเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการระบาดของโควิด ที่กระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนจากการที่บางธุรกิจต้องปิดกิจการ แม้ขณะนี้รายได้จะเริ่มกลับมา แต่ก็ต้องเผชิญกับราคาข้าวของแพง ดังนั้นกำลังซื้อในภาพรวมอาจไม่ได้ฟื้นได้มากตามที่คาดไว้
พร้อมระบุว่า ช่วงนี้จึงถือเป็นโอกาสของผู้ที่ยังมีกำลัง และต้องการมีบ้านเป็นของตนเอง เพราะรัฐบาลได้ขยายวงเงินการปล่อยสินเชื่อ ในโครงการบ้านล้านหลังเฟส 2 จากเดิม 1.2 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับราคาบ้านในปัจจุบัน รวมทั้งยังคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ 1.99% คงที่ 4 ปี และระยะการกู้สูงสุด 40 ปี ซึ่งหากแบงก์พาณิชย์ สนใจในการปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขเหมือนในโครงการบ้านล้านหลัง ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี