กรุงศรี ขับเคลื่อน Net Zero เล็งเพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้สีเขียวเป็น 10-15%

06 ก.ค. 2565 | 13:28 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ค. 2565 | 20:39 น.

กรุงศรี ขับเคลื่อน Net Zero เร่งเครื่องปฏิบัติการ “Krungsri’s Race to Net Zero” ตอกย้ำความยั่งยืน ประกาศไม่ปล่อยสินเชื่อธุรกิจที่สร้างผลกระทบสิ่งแวดล้อม เผยตลาดตราสารสีเขียวพุ่ง มั่นใจทะยานแตะแสนล้านไม่เกินปี 2573 กรุงงศรีเร่งปรับพอร์ตเพิ่มสัดส่วนจาก 2% เป็น 10-15%

นายพูนสิทธิ์ ว่องธวัชชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลสู่ความยั่งยืน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาคสังคมได้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของกรุงศรีในการดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบเพื่อบรรลุพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าแผนดำเนินธุรกิจสู่องค์กรด้านความยั่งยืน

 

กรุงศรีดำเนินงาน 2 มิติ คือ ลดผลกระทบเชิงลบ อย่างรุนแรงต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และการไม่ส่งเสริมธุรกิจที่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยธุรกิจที่กรุงศรีไม่รับพิจารณาให้สินเชื่อ คือ ธุรกิจที่ผลิตและจำหน่ายอาวุธ โรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า โดยกรุงศรีจะไม่ปล่อยเม็ดเงินกู้ก้อนใหม่ในแคตตากอรี่ต้องห้าม 
ขณะเดียวกันก็ต้องการช่วยให้ภาคธุรกิจ สังคมไทย เปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ 
 

เทรนด์ในการออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน หรือตราสารหนี้สีเขียว มีโมเมนตัมที่ดี ภาคเอกชนก็สนใจมาออกตราสารประเภทนี้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าราว 5-6 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะขยายไปสู่แสนล้านบาทได้ไม่ยาก ภายในปี 2573 โดยกรุงศรีเอง ปัจจุบันมีสัดส่วนตราสารหนี้ประเภทนี้อยู่ที่ 2% และในอีก 8 ปีข้างหน้าจะขยับเพิ่มสัดส่วนเป็น 10-15% 

 

ส่วนแผนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์​จากกระบวนการทางธุรกิจของธนาคาร มีเป้าหมายให้เหลือศูนย์​ภายในปี 2573 ลดการปล่อย​ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จาก​บริการทางการเงินทั้งหมดภายในปี 2593 ขยะ RDF เป็นศูนย์ภายในสิ้นปี 2565 (Zero RDF) ไม่มีขยะ RDF จากกรุงศรีสู่บ่อฝังกลบ

 

 

กรุงศรี และบริษัทในเครือ ตอกย้ำความเป็นผู้นำภาคการเงินด้านความยั่งยืนบนวิสัยทัศน์ 'The most sustainable commercial bank in Thailand' ต่อยอดโครงการ Krungsri Zero Waste ด้วยแนวคิดและแนวปฏิบัติ Race to Net Zero รณรงค์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์ (Net Zero Emissions) ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบเชิงลบที่มีต่อโลกและประชาคมโลกอย่างมีนัยสำคัญ

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาคสังคมได้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของกรุงศรีในการดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบเพื่อบรรลุพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเป็นผู้นำภาคการเงินที่ร่วมรณรงค์ด้านการรักษาสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศ ผ่านโครงการ Krungsri Zero Waste ซึ่งได้รับการบรรจุเป็นแผนพัฒนาเข้าด้วยกันกับกระบวนการดำเนินธุรกิจของธนาคารอย่างไร้รอยต่อ

 

ในปี 2561 กรุงศรีได้เริ่มโครงการ Krungsri Zero Waste เพื่อลดปริมาณขยะสู่บ่อฝังกลบและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประสบความสำเร็จในการชดเชยคาร์บอน (Carbon Offsetting) ในสำนักงานใหญ่ และได้รับรางวัล Best Environmental Responsibility จาก Corporate Governance Asia ในปี 2562 ความสำเร็จของกรุงศรีในปี 2563 รวมถึงความสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวน 8.64 ล้านkgCO2e และความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์การเงินเพื่อความยั่งยืนของภาคธนาคารรวมถึงการจัดจำหน่ายตราสารหนี้ ESG

 

ในปี 2564 กรุงศรีได้ปักหมุดสำคัญของธนาคารพาณิชย์ที่มีจุดยืนเพื่อความยั่งยืน ด้วยประกาศวิสัยทัศน์สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Krungsri Carbon Neutrality Vision) พร้อมแผนงานในการเร่งลดคาร์บอนที่ชัดเจนและปฏิบัติได้จริง สอดคล้องกับเป้าหมายและแผนการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย (Nationally Determined Contributions: NDCs) ด้วยแผนลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการดำเนินงานของธนาคารภายในปี 2573 และการสนับสนุนลูกค้าให้สามารถเปลี่ยนผ่านสู่การลงทุนและดำเนินธุรกิจแบบคาร์บอนต่ำ รวมทั้งลดการปล่อยคาร์บอนจากการให้บริการทางการเงินทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในปี 2593

 

"ในปี 2565 ปฏิบัติการ Krungsri’s Race to Net Zero จึงได้ถือกำเนิดบนวิสัยทัศน์ดังกล่าวและได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการด้านความยั่งยืน คณะผู้บริหาร ตลอดจนความร่วมมือจากพนักงานกรุงศรี กรุ๊ป ทุกระดับ ในการผลักดันให้บรรลุเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของกรุงศรี ด้วยการปรับเปลี่ยนองค์กรไปสู่ดิจิทัลให้มากขึ้น ใช้ทรัพยากรอย่างรู้ค่าพร้อมๆ กับการใช้พลังงานทางเลือกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เรายังต่อยอดปฏิบัติการ Krungsri’s Race to Net Zero ด้วยการตั้งเป้าหมายลดขยะ RDF (Refuse-Derived Fuel) ให้เหลือศูนย์ภายในสิ้นปีนี้ และจะขยายแนวคิดนี้สู่วงกว้างด้วยการผนึกกำลังกับพันธมิตรองค์กรต่างๆ ในการรณรงค์ลดขยะ RDF ในปี 2566 โดยจะเริ่มจากองค์กรระดับประเทศที่ตั้งอยู่บนถนนเพลินจิต" นายพูนสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติม

 

ขยะเชื้อเพลิง RDF (Refuse-Derived Fuel) เป็นประเภทขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิล แต่สามารถนำไปเป็นเชื้อเพลิงและเผาไหม้จนหมดโดยไม่มีการนำไปสู่บ่อฝังกลบ (Zero Waste to Landfills) การสร้างจิตสำนึกและรณรงค์ให้ รู้จัก รู้ลด รู้แยก ขยะ RDF จึงเป็นต้นทางของการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบเชิงลบจากขยะอย่างเป็นรูปธรรมและได้ผลที่สุดในระยะยาว

 

ทั้งนี้ กรุงศรีเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) ของไทย และเป็นสมาชิกตั้งต้นของ Carbon Markets Club และสมาชิกสมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย (RE100) กรุงศรีเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก ที่มีวิสัยทัศน์สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality Declaration) เช่นกัน