นายพูนสิทธิ์ ว่องธวัชชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลสู่ความยั่งยืน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาคสังคมได้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของกรุงศรีในการดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบเพื่อบรรลุพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าแผนดำเนินธุรกิจสู่องค์กรด้านความยั่งยืน
กรุงศรีดำเนินงาน 2 มิติ คือ ลดผลกระทบเชิงลบ อย่างรุนแรงต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และการไม่ส่งเสริมธุรกิจที่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยธุรกิจที่กรุงศรีไม่รับพิจารณาให้สินเชื่อ คือ ธุรกิจที่ผลิตและจำหน่ายอาวุธ โรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า โดยกรุงศรีจะไม่ปล่อยเม็ดเงินกู้ก้อนใหม่ในแคตตากอรี่ต้องห้าม
ขณะเดียวกันก็ต้องการช่วยให้ภาคธุรกิจ สังคมไทย เปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
เทรนด์ในการออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน หรือตราสารหนี้สีเขียว มีโมเมนตัมที่ดี ภาคเอกชนก็สนใจมาออกตราสารประเภทนี้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าราว 5-6 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะขยายไปสู่แสนล้านบาทได้ไม่ยาก ภายในปี 2573 โดยกรุงศรีเอง ปัจจุบันมีสัดส่วนตราสารหนี้ประเภทนี้อยู่ที่ 2% และในอีก 8 ปีข้างหน้าจะขยับเพิ่มสัดส่วนเป็น 10-15%
ส่วนแผนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการทางธุรกิจของธนาคาร มีเป้าหมายให้เหลือศูนย์ภายในปี 2573 ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากบริการทางการเงินทั้งหมดภายในปี 2593 ขยะ RDF เป็นศูนย์ภายในสิ้นปี 2565 (Zero RDF) ไม่มีขยะ RDF จากกรุงศรีสู่บ่อฝังกลบ
กรุงศรี และบริษัทในเครือ ตอกย้ำความเป็นผู้นำภาคการเงินด้านความยั่งยืนบนวิสัยทัศน์ 'The most sustainable commercial bank in Thailand' ต่อยอดโครงการ Krungsri Zero Waste ด้วยแนวคิดและแนวปฏิบัติ Race to Net Zero รณรงค์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์ (Net Zero Emissions) ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบเชิงลบที่มีต่อโลกและประชาคมโลกอย่างมีนัยสำคัญ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาคสังคมได้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของกรุงศรีในการดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบเพื่อบรรลุพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเป็นผู้นำภาคการเงินที่ร่วมรณรงค์ด้านการรักษาสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศ ผ่านโครงการ Krungsri Zero Waste ซึ่งได้รับการบรรจุเป็นแผนพัฒนาเข้าด้วยกันกับกระบวนการดำเนินธุรกิจของธนาคารอย่างไร้รอยต่อ
ในปี 2561 กรุงศรีได้เริ่มโครงการ Krungsri Zero Waste เพื่อลดปริมาณขยะสู่บ่อฝังกลบและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประสบความสำเร็จในการชดเชยคาร์บอน (Carbon Offsetting) ในสำนักงานใหญ่ และได้รับรางวัล Best Environmental Responsibility จาก Corporate Governance Asia ในปี 2562 ความสำเร็จของกรุงศรีในปี 2563 รวมถึงความสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวน 8.64 ล้านkgCO2e และความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์การเงินเพื่อความยั่งยืนของภาคธนาคารรวมถึงการจัดจำหน่ายตราสารหนี้ ESG
ในปี 2564 กรุงศรีได้ปักหมุดสำคัญของธนาคารพาณิชย์ที่มีจุดยืนเพื่อความยั่งยืน ด้วยประกาศวิสัยทัศน์สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Krungsri Carbon Neutrality Vision) พร้อมแผนงานในการเร่งลดคาร์บอนที่ชัดเจนและปฏิบัติได้จริง สอดคล้องกับเป้าหมายและแผนการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย (Nationally Determined Contributions: NDCs) ด้วยแผนลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการดำเนินงานของธนาคารภายในปี 2573 และการสนับสนุนลูกค้าให้สามารถเปลี่ยนผ่านสู่การลงทุนและดำเนินธุรกิจแบบคาร์บอนต่ำ รวมทั้งลดการปล่อยคาร์บอนจากการให้บริการทางการเงินทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในปี 2593
"ในปี 2565 ปฏิบัติการ Krungsri’s Race to Net Zero จึงได้ถือกำเนิดบนวิสัยทัศน์ดังกล่าวและได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการด้านความยั่งยืน คณะผู้บริหาร ตลอดจนความร่วมมือจากพนักงานกรุงศรี กรุ๊ป ทุกระดับ ในการผลักดันให้บรรลุเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของกรุงศรี ด้วยการปรับเปลี่ยนองค์กรไปสู่ดิจิทัลให้มากขึ้น ใช้ทรัพยากรอย่างรู้ค่าพร้อมๆ กับการใช้พลังงานทางเลือกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เรายังต่อยอดปฏิบัติการ Krungsri’s Race to Net Zero ด้วยการตั้งเป้าหมายลดขยะ RDF (Refuse-Derived Fuel) ให้เหลือศูนย์ภายในสิ้นปีนี้ และจะขยายแนวคิดนี้สู่วงกว้างด้วยการผนึกกำลังกับพันธมิตรองค์กรต่างๆ ในการรณรงค์ลดขยะ RDF ในปี 2566 โดยจะเริ่มจากองค์กรระดับประเทศที่ตั้งอยู่บนถนนเพลินจิต" นายพูนสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติม
ขยะเชื้อเพลิง RDF (Refuse-Derived Fuel) เป็นประเภทขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิล แต่สามารถนำไปเป็นเชื้อเพลิงและเผาไหม้จนหมดโดยไม่มีการนำไปสู่บ่อฝังกลบ (Zero Waste to Landfills) การสร้างจิตสำนึกและรณรงค์ให้ รู้จัก รู้ลด รู้แยก ขยะ RDF จึงเป็นต้นทางของการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบเชิงลบจากขยะอย่างเป็นรูปธรรมและได้ผลที่สุดในระยะยาว
ทั้งนี้ กรุงศรีเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) ของไทย และเป็นสมาชิกตั้งต้นของ Carbon Markets Club และสมาชิกสมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย (RE100) กรุงศรีเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก ที่มีวิสัยทัศน์สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality Declaration) เช่นกัน