ดอลล์แข็งค่าใกล้ 1:1 เทียบยูโร นักลงทุนเข้าซื้อฐานะสกุลเงินปลอดภัย

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.05% แตะที่ระดับ 108.0720

โดยสกุลยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0047 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0065 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1898 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1896 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6766 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6745 ดอลลาร์สหรัฐ
         

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9817 ฟรังก์ จากระดับ 0.9799 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3008 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2986 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 136.76 เยน จากระดับ 137.28 เยน     

ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดใกล้แตะระดับ 1.00 เทียบยูโร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากผลกระทบจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นหลังราคาน้ำมันทะยานขึ้น
         
 

อย่างไรก็ดี นักลงทุนมองว่าตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 372,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 250,000 ตำแหน่ง

นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง
          

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 4.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. และให้น้ำหนัก 95.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
          

ตลาดจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมิ.ย.ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI จะพุ่งขึ้น 8.8% สูงกว่าระดับ 8.6% ของเดือนพ.ค. โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค