ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,990.04 จุด เพิ่มขึ้น 90.75 จุด หรือ +0.28%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,966.84 จุด เพิ่มขึ้น 5.21 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,782.67 จุด ลดลง 51.45 จุด หรือ -0.43%
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.7% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ฟื้นตัวขึ้นกว่า 2% โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.98% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ทะยานขึ้น 3.33% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 4.45% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.5%
ดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้น 1.26% โดยหุ้นพีจีแอนด์พี บวก 1.13% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 0.95% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น เพิ่มขึ้น 0.91% หุ้นพอร์ทแลนด์ เจเนอรัล อิเล็กทริก บวก 0.6%
หุ้นนิวมอนท์ ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 13.23% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2 และได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของปีงบการเงิน 2565 เนื่องจากผลกระทบของเงินเฟ้อและราคาทองคำที่อ่อนแรงลง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวลงสู่ระดับ -0.19 ในเดือนมิ.ย. โดยดัช CFNAI มีค่าติดลบเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าแนวโน้ม โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการผลิตและการบริโภค ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า ดัชนี CFNAI ถือเป็นตัวชี้วัดที่ดีที่สุดในการประเมินความเสี่ยงในการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ในวันพฤหัสบดีที่ 28 ก.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการประมาณการครั้งที่ 1 ส่วนตัวเลข GDP สหรัฐประจำไตรมาส 1 หดตัวลง 1.6%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ โดยบริษัทไมโครซอฟท์และอัลฟาเบท จะรายงานผลประกอบการในวันอังคาร ขณะที่เมตา แพลตฟอร์มส์จะรายงานในวันพุธ ส่วนแอปเปิลและแอมะซอนจะรายงานในวันพฤหัสบดี
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 26-27 ก.ค.นี้ ขณะที่ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 77.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนักเพียง 22.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00%