เมื่อวันที่ 9 ส.ค.65 นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและศึกษาผลกระทบทางสังคมต่อการออกสลากเลข 3 หลัก หรือเอ็น3 และสลากเลข 6 หลัก หรือแอล 6 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการเปิดรับฟังรอบสุดท้ายครบทั่วทั้งภูมิภาค ว่า หลังจากนี้สำนักงานสลากฯ จะนำความเห็นทั้งหมดรวบรวมเข้ากับการแสดงความเห็นผ่านทางเว็บไซต์สำนักงานฯ และช่องทางอื่นๆ ซึ่งจะปิดวันที่ 10 ส.ค. นี้
เพื่อส่งไปยังสถาบันการศึกษา ทำการศึกษาผลกระทบด้านต่างๆ ในทุกมิติ และ เสนอให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลช่วงเดือนก.ย.65 จากนั้นจะเสนอให้กระทรวงการคลัง และที่ประชุม ครม. หากผ่านความเห็นชอบทั้งหมด คาดว่าจะออกสลากผลิตภัณฑ์ได้ในช่วงกลางปี 66
นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า การศึกษาออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นส่วนหนึ่งในมาตรการระยะยาว แก้ปัญหาสลากเกินราคา โดยต้องการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่อยากเสี่ยงโชคอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งสลากเอ็น 3 จะมีรางวัลเลขท้าย 2 ตัวตรง 3 ตัวตรง 3 ตัวโต๊ด และรางวัลแจ็คพ็อต จำหน่ายใบ 50 บาท
รูปแบบเงินออกรางวัลจะไม่ใช่สลากกินรวบ แต่จะเป็นแบบกินแบ่ง โดยนำรายได้จากการขายสลาก 60% มาเป็นเงินรางวัล และมีรางวัลแจ็คพอต ซึ่งหากไม่มีใครถูกรางวัลจะนำเงินสะสมไปงวดถัดไปอีก 1 งวด
ขณะที่ภาพรวมการลงพื้นที่รับฟังความเห็นที่ผ่านมา พบว่าคนซื้อมีความต้องการสลากราคา 80 บาท ผ่านสลากดิจิทัล เพราะสะดวกและได้ราคาที่เป็นธรรม ขณะที่คนขายลอตเตอรี่ เป็นห่วงว่าการทำสลากดิจิทัล หรือทำเอ็น 3 ออกมาใหม่ จะทำคนขายเดิมขายยากขึ้น และส่วนมิติทางสังคมก็มองว่า อาจเป็นการมองเมาประชาชน
อย่างไรก็ตาม สำนักงานสลากฯ ยืนยันว่ามีเป้าหมายหลัก เพื่อต้องการดูแลผู้บริโภคให้ซื้อสลากได้ในราคาที่กฎหมายกำหนด ขณะเดียวกันจะดูแลผู้ขายเดิมและผู้ขายใหม่ให้อยู่ร่วมกันได้
โดยประโยชน์ของสลากเอ็น 3 ที่มีต่อผู้ขาย คือ ไม่ต้องนำเงินมาซื้อสลากฯ 3.5 หมื่นบาทต่องวด เหมือนกับสลากฯ 6 หลัก จึงไม่ต้องแบกรับภาระขาดทุน อีกทั้งจะช่วยแก้ปัญหาสลากเกิน และยังช่วยแข่งขันกับหวยใต้ดิน ทำให้สามารถนำเงินขึ้นมาพัฒนาประเทศได้อีกด้วย
ส่วนการคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายผ่านระบบซื้อจองล่วงหน้าวันที่ 10 ส.ค.นี้ ยืนยันว่าเป็นไปด้วยความโปร่งใส โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์คัดเลือกผู้สมัครที่ผ่านคุณสมบัติ 3.1 แสนคน ให้เหลือ 7 หมื่นคนให้มีสิทธิซื้อจองต่อไป
ขณะที่ความคืบหน้าการจำหน่ายสลากดิจิทัล ขณะนี้มีผู้ทำสัญญาแล้วประมาณ 3 หมื่นราย และมีการเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลเป็น 10 ล้านใบในงวด 1 ก.ย.65 โดยเบื้องต้นสำนักงานสลากฯ จะชะลอการเพิ่มสลากไว้ที่ระดับ 10 ล้านใบก่อน
หลังจากงวดที่ผ่านมามีจำนวนกว่า 9 ล้านใบ พบว่าช่วง 3 วันท้ายยอดซื้อเริ่มชะลอ จึงจะขอดูสถานการณ์ตลาดในช่วง 10 ล้านใบ จากนั้นค่อยพิจารณาเพิ่มขึ้นได้ โดยมีเป้าหมายเพิ่มสลากได้สูงสุดไม่เกิน 20 ล้านใบภายในสิ้นปีนี้