วันนี้15 สิงหาคม 2565 นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2565 มีรายได้จากการให้บริการ 2.6 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 จากไตรมาสก่อน) ท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวและภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงกดดันการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ขณะที่มีสัญญาณเชิงบวกจากธุรกิจหลักอย่างธุรกิจมือถือที่พลิกกลับมาเติบโตร้อยละ 1.3 จากไตรมาสก่อน หนุนรายได้จากการให้บริการและรายได้รวมในครึ่งแรกของปีเป็น 5.2 หมื่นล้านบาทและ 6.9 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ
นอกจากนี้ ผลจากการเน้นปรับโครงสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารต้นทุนต่อเนื่อง ทำให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลงร้อยละ 0.4 ในไตรมาส 2 และร้อยละ 2.6 ในครึ่งปีแรกเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 2 และ 2.8 หมื่นล้านบาทในครึ่งแรกปี 2565 ด้วยอัตรากำไร EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการ (EBITDA margin) ที่ร้อยละ 54 ในขณะที่ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้นจากการขยายโครงข่าย 5G ดิจิทัลและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการสูงสุดให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง รวมถึงขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน กดดันความสามารถในการทำกำไรในครึ่งแรกของปี 2565
ด้าน นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านการเงิน บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ทรูมูฟ เอช มีรายได้จากการให้บริการเติบโตร้อยละ 1.3 จากไตรมาสก่อนเป็น 19,927 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 โดยลูกค้า 5G ของทรูมูฟ เอช ยังคงเติบโตได้สูงต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3.4 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาส 2 หนุนโดยแคมเปญพิเศษที่ร่วมกับดีไวซ์ 5G อินเตอร์แบรนด์
แพลตฟอร์มสื่อดิจิทัลทรูไอดี เดินหน้าสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้นผ่านความหลากหลายด้านความบันเทิง ทั้งคอนเทนต์กีฬาและวิดีโอออนดีมานด์ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อปลดล็อกไลฟ์สไตล์ดิจิทัลที่ตรงกับความชอบของผู้ใช้งาน ทำให้ทรูไอดีสร้างรายได้ให้เติบโตในอัตราเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2 ปี 2565 ทรูไอดีมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 49 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หนุนโดยจำนวนผู้ใช้งานรายเดือนที่เติบโตสูงร้อยละ 26 เป็น 32 ล้านราย มียอดรับชมคอนเทนต์วิดีโอต่อเดือนโดยเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 81 เป็น 481 ล้านครั้ง และจำนวนการซื้อคอนเทนต์ด้านความบันเทิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 140 เป็น 893,000 ครั้ง เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีก่อน นอกจากนี้ด้วยจุดเด่นด้านคอนเทนต์และความคุ้มค่าที่เหนือกว่า ทำให้ลูกค้ากล่องทรูไอดี ทีวี เติบโตต่อเนื่องเป็น 3.3 ล้านกล่อง หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ล่าสุดได้มีการเปิดตัวแคมเปญ True unlock และ True Unlock TV เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้าทรูมูฟ เอช และ ทรูออนไลน์ ในการรับชมคอนเทนต์ กีฬา ซีรีส์ ภาพยนตร์ ต่าง ๆ ผ่านทางทรูไอดีแพลตฟอร์ม สนับสนุนการขยายระบบนิเวศของกลุ่มทรูได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจดิจิทัลโซลูชัน มีรายได้รวมเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 126 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2564 โดยเป็นผลมาจากการเติบโตต่อเนื่องของธุรกิจนวัตกรรมบ้านอัจฉริยะ (Smart Living) การเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Connectivity) และตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) โดยนวัตกรรมบ้านอัจฉริยะภายใต้แบรนด์ True Living TECH ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในตลาด B2C ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จึงได้เร่งขยายธุรกิจนวัตกรรมการอยู่อาศัยครบวงจรในตลาด B2B และ B2B2C เพื่อต่อยอดความสำเร็จดังกล่าว ครอบคลุมความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกบ้านในโครงการและนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการจองการใช้งานส่วนกลางอัจฉริยะ การจัดการอาคาร ผู้มาเยือน หรือรถยนต์ที่เข้าออกในโครงการ นอกจากนี้ ลูกบ้านของโครงการพันธมิตรยังสามารถซื้ออุปกรณ์บ้านอัจฉริยะไปติดตั้งเพิ่มเติมในราคาพิเศษ เพื่อให้ทุกการอยู่อาศัยสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม