ทีทีบีชู 3กลยุทธ์รุกตลาดสินเชื่อบ้าน "สร้างพันธมิตรโครงการ-นำเทคโนโลยี/สร้างอีโคซิสเต็ม-นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์สินเชื่อ "บัตรกดเงินสด"ขยายฐาน "บ้านแลกเงิน รีไฟแนนซ์ รวมหนี้”เตรียมให้สินเชื่อผ่านแอป ttb touchภายในปี2566
นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่า ทีทีบีตั้งเป้าจะปล่อยสินเชื่อบ้าน 6.6 หมื่นล้านบาทหรือ เพิ่มขึ้น 32%ในปีนี้จากสิ้นปี 2564 ซึ่งครึ่งแรกปีนี้สามารถอนุมัติกว่า 2.8หมื่นล้านบาท
สำหรับยอดคงค้างสินเชื่อบ้านในสิ้นปีนี้น่าจะอยู่ที่ 3.2-3.3แสนล้านบาท โดยจะเป็น สินเชื่อบ้านแลกเงิน รีไฟแนนซ์ และรวมหนี้(Debt Consolidation) ราว 1.2 หมื่นล้านบาทซึ่งครึ่งปีปล่อยไปแล้ว 4,400ล้านบาท ในอีก 5ปีข้างหน้าคาดหวังจะเพิ่มสัดส่วนบ้านแลกเงินและรวบหนี้เป็น 15%จากปัจจุบันอยู่ที่ 6%ส่วนยอดคงค้างสินเชื่อบ้านน่าจะแตะ 5แสนล้านบาท
รวมถึงการรวมหนี้จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยลูกค้าได้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารสามารถรวมหนี้ได้แล้ว 1,000 ล้านบาท สามารถลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกค้ากว่า 100 ล้านบาท คาดว่าภายในสิ้นปีนี้รวมหนี้จะเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ประมาณ 200-300 ล้านบาท
ทั้งนี้ที่ผ่านมาไตรมาสแรกของปีนี้ ภาพรวมสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งระบบมีมูลค่าประมาณ 4.4 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้ เป็นส่วนของธนาคารพาณิชย์ 2.6 ล้านล้านบาท (ที่เหลือเป็นส่วนสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐดำเนินการ)
ในส่วนของทีทีบีมียอดคงค้างสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ 3.1 แสนล้านบาท มีอัตราการเติบโตเกือบ 1% จากสิ้นปี 64 ที่มียอดคงสินเชื่ออยู่ที่ 3.08 แสนล้านบาท โดยทีทีบีมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 12% หรืออันดับ 4-5 ของตลาด ซึ่งยอดคงค้างที่ 3.1แสนล้านบาทนั้นส่วนใหญ่ 81%เป็นบ้านใหม่ 13%รีไฟแนนซ์ สินเชื่อแลกเงิน 6%โดยบ้านเดี่ยวมีสัดส่วน 50% คอนโดมิเนียม 23%และทาวโฮมห์ เป็นต้น
นายฐากร ปิยะพันธ์กล่าวเพิ่มเติมว่ากลยุทธ์การทำตลาดหลักๆเน้นพันธมิตรโครงการชั้นนำขยายตลาดบ้านแลกเงิน รีไฟแนนซ์ โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์ “รวบหนี้” หรือ Debt Consolidation ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น โดยหลังจากนี้ทีทีบีจะช่วยผู้บริโภคลดภาระด้านดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากสภาพความเป็นจริง มักพบว่า การมีบ้านปลอดภาระ แต่เป็นลักษณะของผู้บริโภคไปกู้สินเชื่อส่วนบุคคล โดยยอมจ่ายดอกเบี้ยสูง 22%ต่อปี หรือสินเชื่อบัตรเครดิตที่คิดดอกเบี้ยอัตรา 16% ต่อปีเพื่อทำให้ “บ้านปลอดภาระ” แต่เมื่อรวมทั้ง 2ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวกลับทำให้มีภาระหนี้รวมต่อเดือนถึง 18,900บาท
ดังนั้น ถ้ากรณีลูกค้าเลือกใช้วิธี “รวมหนี้” หรือ Debt Consolidation โดยใช้บ้านที่ปลอดภาระมาเป็นหลักประกัน กับ“ สินเชื่อบ้านแลกเงิน ทีทีบีเคลียร์หนี้” บนสมมติฐาน วงเงินสินเชื่อ 550,000บาทต่อเดือน คิดอัตราดอกเบี้ย 6.65%ต่อปี ภาระผ่อนชำระต่อเดือนเพียง 6,500บาท ซึ่งสามารถประหยัดดอกเบี้ยต่อเดือน 7,035บาท ขณะที่ค่างวดลดลง และเงินเหลือเพิ่มขึ้นต่อเดือน 12,400บาท
ที่ผ่านมา 7เดือนได้อนุมัติ “รวบหนี้”ไปแล้วกว่า 1,000ล้านบาทสามารถช่วยประหยัดดอกเบี้ยให้กับลูกค้าแล้วกว่า 100ล้านบาท คาดว่าภายในสิ้นปีนี้รวมหนี้จะเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท โดยจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยได้ประมาณ 200-300 ล้านบาท ทีทีบีที่มุ่งมั่นจะทำให้ชีวิตทางการเงินของคนไทยดีขึ้น
ภายใต้ 4แกน คือ ฉลาดออมฉลาดใช้ - รอบรู้เรื่องกู้ยืม – การออมหรือลงทุนเพื่ออนาคต -และบริการประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองที่อุ่นใจ
“ เราจึงต้องพยายามสื่อสารกับผู้บริโภคเพื่อช่วยลดภาระหนี้ต่อเดือนลง หลังจากนี้เรื่อง Debt Consolidation เราจะทำมากขึ้น และอยากชวนเพื่อนธนาคารอื่นทำตรงนี้ด้วย เพราะสถานการณ์แบบนี้จะช่วยผู้บริโภคประหยัด”
อีกกลยุทธ์คือ การนำเทคโนโลยีตอบโจทย์ความต้องการไลฟ์สไตล์และสิทธิประโยชน์ของลูกค้า โดยภายในสิ้นปี2566 ลูกค้าสามารถขอสินเชื่อบ้านผ่านแอป “ttb touch” และพัฒนาระบบนิเวศน์รอบด้าน สำหรับ“สินเชื่อบ้านทีทีบี หรือ Home Owner Ecosystem บน “ ttb touch”
นอกจากฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ฟรีค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ สิทธิประโยชน์ซื้อประกันภัยทรัพย์สินภายในบ้านราคาพิเศษ,รับวงเงินสินเชื่อบ้านท๊อปอัป,หรือโปรโมชั่นพิเศษสำหรับซื้อเฟอร์/อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ,ร่วมกับพันธมิตรผู้ให้บริการด้านซ่อมแซม-ต่อเติมบ้านและต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตรผ่านช่องทางดิจิทัล โดยปัจจุบันทีทีบีมีฐานลูกค้าสินเชื่อบ้านจำนวนกว่า 1แสนราย
อีกกลยุทธ์คือ “ บัตรกดเงินสด ทีทีบีบ้านแลกเงิน” เน้นนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า”ด้วยจุดเด่นที่ครอบคลุม 4ฟีเจอร์ “อุ่นใจ สบายใจ เบาใจและถูกใจ”สามารถเบิกเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มหรือโอนวงเงินจากบัตรเข้าบัญชีผ่านแอป “ ttb touch”
ที่สำคัญคิดอกเบี้ยตามจำนวนที่ใช้จริง ดอกเบี้ยต่ำกว่าบัตรกดเงินสดทั่วไป เพียง 0.57% ต่อเดือน (คิดจากอัตราดอกเบี้ย MRR + 0.5% = 6.78% ต่อปี โดยตั้งเป้าภายในปีนี้ คาดว่าจะออกบัตร 5,000 ใบ คิดเป็นวงเงินสินเชื่อประมาณ 2,000 ล้านบาท เฉลี่ยวงเงินต่อบัตรประมาณ 3-4 แสนบาท
ยกตัวอย่าง “ บัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงิน”
-กรณีเลือกกู้แบบโอนเงินเข้าบัญชีในส่วนที่จำเป็นต้องใช้ก่อน เช่น เก็บวงเงินบางส่วนไว้ในบัตรกดเงินสดหรือ พร้อมใช้เมื่อจำเป็น จะคิดดอกเบี้ยตามจำนวนวันที่กดรายวัน เช่น กดเงิน 100,000บาทจ่ายดอกเบี้ย 18.58บาทต่อวันเท่านั้น
-กรณีรับเงินก้อน 1.3ล้านบาทผ่อนชำระ 10ปีเดือนละ 15,200บาท
-กรณีเลือกรับเงินก้อน 1 ล้านบาทผ่อนชำระ 10ปีเดือนละ 11,200บาท
อีกทั้งสินเชื่อบ้านของทีทีบีไม่ต้องจ่ายค่าประกันภัยตลอดอายุสัญญา โดยราคาบ้าน 1ล้านบาทจะช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยประมาณ 1,000บาทต่อปี และการเปิดบัญชีเงินฝากก็จะมีความคุ้มครองประกันภัยด้วย โดยออกแบบให้คนไทยได้ประโยชน์สูงสุด
ต่อข้อถามแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสินเชื่อบ้านปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 2.4% ซึ่งต่ำกว่าตลาดที่ 3% โดยได้ขายหนี้เสียออกไปบางส่วน และหากตลาดมีจังหวะที่ดีก็มีโอกาสจะตัดขายหนี้ออกในระยะถัดไป