นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า การจำหน่ายสลากดิจิทัล ถือว่ามาถูกทาง โดยได้รับความนิยมจากผู้ซื้อต่อเนื่องทำให้สามารถขายหมดในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากผู้ซื้อสามารถซื้อสลากฯได้ในราคา 80 บาท ซึ่ง สนง.จะยังเดินหน้าเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลต่อเนื่องไม่เกิน 20 ล้านใบในปีนี้
ทั้งนี้ นอกจากฟังก์ชั่นลดราคาสลากดิจิทัลสำหรับผู้ค้าแล้ว สนง. สลากฯ เตรียมเพิ่มฟังก์ชั่นคิวอาร์โค้ดร้านค้าเพื่อให้ผู้ค้าสลากดิจิทัล สามารถโปรโมทร้านของตัวเองได้ เริ่มของงวดวันที่ 1 ตุลาคม 65
ขณะเดียวกัน สนง. สลากฯอยู่ระหว่างประสานสมาคมผู้พิการ และ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. เพื่อรับสมัครผู้พิการที่ค้าสลากกินแบ่งฯ เข้ามาขายอยู่ในระบบ “สลากดิจิทัล” ซึ่งถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการในการค้าสลากฯ ด้วย
ขณะที่ผลการประเมิลการจำหน่าย “สลากดิจิทัล” หลังจากเปิดจำหน่ายมาแล้ว 6 งวด พบว่า ได้รับความนิยมจากผู้ซื้อต่อเนื่อง เพราะสามารถซื้อสลากในได้ราคา 80 บาท โดยระยะเวลาการจำหน่ายลาสุด อยู่ที่ 5 วัน หลังเพิ่มจำนวนสลากต่อเนื่อง ซึ่งงวดปัจุจบัน (2 ก.ย.65) อยู่ที่ 10.32 ล้านใบ
ซึ่งจากการจำหน่ายทั้ง 6 งวด พบว่ามีผู้ซื้อรวมอยู่ที่ 2,800,000 คน เฉลี่ยประมาณ งวดละ 1 ล้านคนเศษ โดยพบว่าผู้ซื้อ 500,000 คนมีการซื้อทุกงวด หรือเป็นลูกค้าประจำ และ 2,300,000 คน หรือ 83% เป็นลูกค้าที่ไม่ได้ซื้อทุกงวด หรือซื้อเพียงบางงวดเท่านั้น
ขณะที่จำนวนการซื้อเฉลี่ยต่อคน พบว่า ส่วนใหญ่ 50% ซื้อเฉลี่ย 2-5 ใบต่องวด รองลงมา 19% ซื้อสลากงวดละ 1 ใบ และอีก 17% ซื้อเฉลี่ย 6-10 ใบต่องวด ดังนั้นสรุปได้ว่า ในภาพรวม 90% จะซื้อไม่ถึง 10% สะท้อนว่าสลากดิจิทัลมีการกระจายไปยังผู้ซื้อ
นายลวรณ ยังกล่าวอีกว่า จากข้อมูล ยังพบว่า มีผู้ที่ซื้อสลากดิจิทัลเกิน 1,000 ใบ มีทั้งหมดจำนวน 63 คน โดยพบว่ามีจำนวนสูงสุดถึง 3,000 ใบ ทั้งนี้จากจำนวนผู้ซื้อดังกล่าว พบว่ามีผู้ที่ซื้อ 1,000 ใบ ติดต่อกัน 6 งวด จำนวน 1 คน และมี 40 คน ที่ซื้อถึง 1,000 ใบเพียงงวดเดียว พร้อมย้ำสำนักงานสลากฯ มีการติดตามพฤติกรรมของซื้อสลากดิจิทัลทุกงวด
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการจำหน่ายสลากดิจิทัล ยังคงหมดลงอย่างรวดเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้น เพื่อให้มีระยะเวลาจำหน่ายที่เหมาะสมในแต่ละงวด คือ 7-10 วัน สนง.สลากฯ จึงเพิ่มปริมาณสลากงวดวันที่ 16 กันยายน 2565 เป็น 11,453,000 ใบ โดยสลากทั้งหมดเป็นของตัวแทนจำหน่ายจำนวน 22,906 ราย โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2565 เวลา 06.00 - 23.00 น. ทุกวัน จนกว่าสลากจะหมด
"การจำหน่ายสลากดิจิทัล ถือว่ามาถูกทาง เพราะทำให้ผู้ซื้อสามารถซื้อสลากฯ ได้ในราคาไม่เกิน 80 บาท โดยจากระยะเวลาการจำหน่ายหมด ล่าสุดที่ 5 วันนั้น ยังถือว่าเร็วเกินไป ดังนั้น สนง. จะยังเพิ่มจำนวนสลากฯ ดิจิทัลต่อเนื่องตามเป้าหมาย 20 ล้านใบภายในปี 65 นี้ โดยจะทยอยเรียกผู้ค้ารายย่อยมาทำสัญญา โดยขณะนี้มีการเรียกผู้ค้ารายย่อยที่ลงทะเบียนขายสลากดิจิทัลไว้มาทำสัญญาแล้วกว่า 3 หมื่นคน จากที่ลงทะเบียนไว้ทั้งหมด 7 หมื่นคน” ลวรณ กล่าว
ทั้งนั้น ปัจจุบันการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล จะมีเพียง 4 ระบบ คือ 1.ระบบดิจิทัล ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 11.453 ล้านใบ จากจำนวนผู้ค้ารายย่อย 22,906 ราย 2.ระบบสลากฯโควต้า จำนวน 31 ล้านใบ โดยในจำนวนนี้ แบ่งเป็นผู้ค้ารายย่อยและองค์กรการกุศล มูลนิธิ จำนวน 16 ล้านใบ และอีก 15 ล้านใบของสมาคมผู้พิการ 3.ระบบซื้อจองฯ 54 ล้านใบ และ 4.ร้านค้าในโครงการสลาก 80 จำนวน 2.5 ล้านใบ
ขณะที่ความคืบหน้าในส่วนของการรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และศึกษาผลกระทบทางสังคมเกี่ยวกับการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล และ L6 และ N3 กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมและสรุปผลโดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น
คาดว่าจะสามารถส่งผลสรุปให้สำนักงานสลากฯ ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ และ หลังจากนั้น สำนักงานสลากฯ จะรวบรวมความคิดเห็น รวมทั้งผลการศึกษาผลกระทบทางสังคมในทุกมิติ ตลอดจนมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เสนอคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณานำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป