บีคอน วีซีเสริมจุดแข็งให้ “เคแบงก์-KBANK” พัฒนาอี-วอลเล็ตรูปแบบB2BB2C (Business to Business to Consumer) หลังร่วมลงทุนใน “ทีทูพี-T2P” ฟินเทคชั้นนำด้านโซลูชันการเงิน มุ่งต่อยอดใช้อี-วอลเล็ตเสริมแกร่งให้บริการสินเชื่อดิจิทัล และเพิ่มช่องทางการรับชำระเงินให้แก่ลูกค้า เตรียมแผน 3ปีจะนำบริษัทT2Pเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
นายธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) เปิดเผยว่า บีคอนวีซีมีเป้าหมายที่จะเสริมจุดแข็งให้กับธนาคารกสิกรไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัท ทีทูพี จำกัด (T2P) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพแถวหน้าที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในบริการโซลูชันธุรกรรมการเงินอย่างครบวงจรแก่ลูกค้าภาคองค์กรธุรกิจแบบ B2B2C
สำหรับเป้าหมายในการลงทุน “ทีทูพี” เป็นการเสริมจุดแข็งด้านธุรกิจอี-วอลเล็ตเพื่อธนาคารกสิกรไทยสามารถให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรของธนาคารได้ โดยเป็นการผสานความแข็งแกร่งของธนาคารด้านธุรกิจการเงิน ด้วยฐานจำนวนลูกค้ารายย่อยที่มีอยู่กว่า 20 ล้านราย
และโครงสร้างเทคโนโลยีการเงิน ร่วมกันกับศักยภาพและความเชี่ยวชาญของทีมงานทีทูพีในการพัฒนาระบบเชื่อมต่อข้อมูลธุรกิจและการเงินเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ในการใช้งานอย่างไร้รอยต่อตลอดทั้งห่วงโซ่ธุรกิจ ตั้งแต่กระบวนการสมัคร การทำธุรกรรมระหว่างธนาคาร การรับจ่ายเงิน ด้วยต้นทุนบริหารจัดการที่แข่งขันได้
“การร่วมลงทุนในT2Pเป็นการเติมเต็มทางธุรกิจ โดยแพลตฟอร์มอีวอลเลตทำให้ engage ลูกค้าและสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นกลับมาที่ธนาคาร เพราะเรามองภาพรวมในแง่การให้บริการลูกค้าคนเดียวกัน จึงเป็นการเสริมซึ่งกันและกัน รวมถึงการขยายบริการและพัฒนาบริการใหม่ตอบโจทย์ลูกค้าร่วมกันด้วย นอกจากจะช่วยเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มอายุที่น้อยลง และยังมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอีก 3ปีข้างหน้า”
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา การลงทุนในT2P เป็นการลงทุนในธุรกิจอันดับที่ 18 ซึ่งเป็นไปตามแผนการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบีคอนวีซี โดยทยอยใช้วงเงินไปแล้ว 100ล้านบาทจากวงเงินรวม 175ล้านบาทคงเหลืออีก 75ล้านบาทคาดว่าจะสามารถเดินหน้าร่วมลงทุนภายใน 2ปี
นางสาวศุภนีวรรณ จูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การร่วมลงทุนในT2Pจะเป็นการใช้แพลตฟอร์มอีวอลเล็ตตอบโจทย์ฐานลูกค้าของธนาคารที่มีอยู่แล้วและยังช่วยให้ธนาคารกสิกรไทยสามารถขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มที่มีอายุน้อยลงได้ โดยมองโอกาสทางธุรกิจทั้ง 3ด้านคือ
1.การพัฒนาศักยภาพอีวอลเล็ตเพื่อใช้ในลักษณะB2BB2Cตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าองค์กรของธนาคารกสิกรไทยและฐานลูกค้าT2Pอีกกว่า 30องค์กรซึ่งมีฐานลูกค้ารายย่อยอีกกว่า 9ล้านบัญชี
2. การพัฒนาAPIเพื่อเชื่อมต่อบริการการเงินของธนาคารกิกรไทยด้วยจุดแข็งของT2Pเช่น เติมเงิน ชำระเงินและถอนเงินและ
3.การนำโครงสร้างเทคโนโลยีของอีวอลเล็ตเสริมศักยภาพบริการ “ดิจิทัล เลนดิ้งส์”ความต้องการที่ซับซ้อนขึ้น เพราะอีวอลเล็ตจะทำให้มีฐานข้อมูลและช่วยควบคุมความเสี่ยงในแง่การใช้จ่ายสินเชื่อผ่านช่องทางหรือร้านค้าตามวัตถุประสงค์ที่ถูกต้องรวมถึงตัดรายการสินเชื่อคงค้าง
นายทวีชัย ภูรีทิพย์ ประธานบริหาร และหนึ่งในผู้ก่อตั้งของทีทูพี กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งานอีวอลเล็ตประมาณกว่า 90ล้านบัญชีโดยมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วง 2ปีหลังปริมาณธุรกรรมเติบโตกว่า 30%ต่อปี ส่วนหนึ่งเพราะอีวอลเล็ตอาจจะสะดวกต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค ขณะเดียวกันบริษัทต้องการสร้างนวกรรมใหม่ๆตอบโจทย์ลูกค้า
สำหรับT2Pเป็นบริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีวอลเล็ตเปิดให้บริการตั้งแต่2554 เป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มีใบอนุญาตทั้ง e-money และใบอนุญาตระบบการชำระเงินและใบอนุญาตอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน
ทั้งนี้ บริษัทเน้นทำแพลตฟอร์มตอบโจทย์ธุรกรรมการชำระเงินและระบบสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า(Royal Program) ต่อเนื่องจากบริการการชำระเงินด้วย โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทที่มี Peace of MIND โดยลูกค้า/ผู้ใช้งานแพลตฟอร์มอี-วอลเล็ตของT2Pมีความเชื่อถือและปลอดภัยรวมถึงสร้างระบบความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
“ แนวโน้มทางธุรกิจนั้น เมื่อมีบีคอนวีซีเข้ามา คาดว่าปีนี้และปีหน้าจะมีอัตราเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยปีนี้มูลค่าธุรกรรมชำระเงินโอกาสเติบโต 70% และจำนวนอีกวอลเล็คน่าจะเติบโต 30% เทียบจากปี 2564 บริษัทมีมูลค่าธุรกรรมชำระเงินประมาณ 3,000ล้านและ จำนวนอีวอลเล็ตกว่า 4ล้านวอลเล็ตที่อยู่บนแพลตฟอร์มของT2P ขณะที่ระบบการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือRoyal Program เกือบ 8,000ล้านปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้นมาจากปีก่อน 120% และสมาชิกเติบโตขึ้น 90%จากก่อนหน้าอยู่ที่ 45ล้านราย เหล่านี้เป็นฐานลูกค้าองค์กรที่จะนำไปตอบโจทย์ธุรกิจของลูกค้าทั้งในฝั่งบริษัทและธนาคารกสิกรไทยในอนาคต"