บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด(บล.)หรือ KS มองว่า ดัชนีหุ้นไทยระหว่างวันที่ 2-6ม.ค.2566 มีแนวรับที่ 1,650 และ 1,635 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,680 และ 1,700 จุด ตามลำดับ
ทั้งนี้เมื่อวันศุกร์ (30 ธ.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,668.66 จุด เพิ่มขึ้น 3.16% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 51,478.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.97% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 4.05% มาปิดที่ระดับ 584.16 จุด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามระหว่างวันที่ 2-6ม.ค.2565 ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. 65 ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดในจีนรวมถึงแผนรับนักท่องเที่ยวจีน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิตและภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนธ.ค. และบันทึกการประชุมเฟด ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (เบื้องต้น) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ธ.ค. ของยูโรโซน รวมถึงดัชนี PMI เดือนธ.ค. ของยูโรโซน ญี่ปุ่นและจีน
สรุปภาพรวมในปี 2565 นั้น ดัชนี SET เพิ่มขึ้น 0.67% มาปิดสิ้นปี 2565 ที่ระดับ 1,668.66 จุด จากระดับ 1,657.62 จุด ณ สิ้นปี 2564 โดยหุ้นไทยแกว่งตัวอิงขาลงในช่วงครึ่งแรกของปี
โดยมีปัจจัยลบจากการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด สงครามรัสเซีย-ยูเครน การระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย ตลอดจนการล็อกดาวน์ในหลายเมืองของจีน
อย่างไรก็ดี หุ้นไทยทยอยฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.ค. โดยมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ทยอยฟื้นตัว การส่งสัญญาณชะลอขนาดการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดหลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ย่อตัวลง และแรงหนุนเพิ่มเติมที่เข้ามาในช่วงปลายปีจากข่าวการเตรียมเปิดประเทศของจีน